Posted by : HaLauYaMa
Friday, September 13, 2013
วันที่3 ตื่นเช้ามาตามเดิม แต่ว่าคราวนี้ตื่นเช้าเป็นพิเศษ เพราะว่าวันนี้เราต้องไปโตเกียวกัน รถชินกันเซนไปตอน8โมง เราต้องไปที่สถานีรถไฟโอซาก้าประมาณ7โมงนะ
แล้วข้าวเช้าวันนี้ อาหารเช้าง่ายๆของแม่ยูซัง ขนมปังทาเนยโคตรอร่อยอ่ะ!
กินเสร็จ(แต่เหลือผัก) แล้วก็มุ่งหน้าไปสถานีIsumi-Fuchu เพื่อนั่งไปสถานีShin-Osaka ที่จอดชินกันเซน
ยูซูเกะส่งเราแค่ด้านหน้าสถานีอิซูมิฟูจู แล้วก็ไป ส่วนพวกเราสองพี่น้องก็ต้องนั่งสถานีจากนี่ไปที่ชินโอซาก้า
ขบวนที่เราไปวันนี้ เจอโฆษณาXYLITOLของ อามามิ ยูกิ ด้วยนะ โฆษณาตัวแรกของเจ๊ยูที่เจอ ถ่ายสิ! (ใช้ความลำบากมากกับการถ่ายภาพนี้ เพราะเหมือนมีใครจับจ้องเราอยู่...)
นั่งกันจนแทบหลับเลยทีเดียว จนกระทั่งมาถึงสายShin-Osaka หรือแปลเป็นไทยว่า โอซาก้าใหม่นั่นเอง จู่ๆหันไปก็เจอกับป้ายใหญ่ๆครึ่งนึง
แฝดสามเจ๊มาริโกะนี่นา!!! รีบถ่ายๆๆ
แฝดสามมาริโกะซามะ คิดถึงจังเลย!!!
ถ่ายเสร็จก็รีบเดินไปที่ชินกันเซนที่เราจะต้องนั่งไป เพราะว่าตอนนั้นก็7โมงกว่าๆละ รถไฟออกตอน8.13 ต้องรีบ พอเดินถึงขบวน ไอ้เราล่ะไม่รู้ใช่ขบวนนี้หรือเปล่า ก็ต้องถามนายชานชาลา (เขียนงี้และเรียกงี้ป่ะ ไม่รู้อ่ะ ; w;) ถามเสร็จอะไรเสร็จก็ใช่ขบวนนี้แหละ เข้าไปเถอะ เอาเข้าไปเถอะ
ไอ้รถไฟขบวนนี้แหละที่เราต้องนั่ง! มุ่งสู่โตเกียว!!!
ป้ายสถานีShin-Osaka ภาพกับภาพรถไฟชินกันเซน(ที่มีแต่เส้นสีฟ้า)
(ถ่ายตอนอยู่ในรถไฟน่ะ)
ตั๋วรถไฟชินกันเซนที่จะต้องนั่งไปลงจอดที่สถานShinagawa
เมื่อถึงเวลาก็เริ่มออกเดินทาง!!!! ประสบการณ์ครั้งแรกที่ได้นั่งรถไฟความเร็วสูง เยส!!! สมกับรถไฟความเร็วสูงจริงๆ วิ่งทีทำหูอื้อเลยจ้า!!!
สายที่พวกเรานั่งไปก็คือสาย512ไปโตเกียวล่ะ
อ้อ แล้วก็มีพนักงานมาเข็นขายอาหารด้วยล่ะ ไอ้พวกเราก็เลือกๆจนได้ของพวกนี้ล่ะ
ตามภาพก็มีกาแฟดำพร้อมน้ำเชื่อมและนม(ครีมเทียมไม่มีรสชาติของคำว่าว่าเมื่อกินครีมเทียมเข้าไป) ชาเย็นขวดนึง แล้วก็มาญี่ปุ่นนี่โคตรหลงรักเลยเมื่อกินมันเข้าไป...จากาบี จ้า! (มันฝรั่งแท่งทอดนั่นล่ะ อร่อยเว่อร์ๆ!!!)
หลังจากที่กินอะไรพวกนี้เสร็จแล้ว ก็จัดการภารกิจที่สองเมื่อเราขึ้นชินกันเซนแล้วก็คือ "มองหาภูเขาไฟฟูจิ"
เขาว่ากันว่าถ้าขึ้นชินกันเซนแล้วจะเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วยล่ะ แต่ว่าเท่าที่เห็น...ไมไม่เห็นเลยวะ?
หรือว่าเพราะเราหลับเลยมองไม่เห็นกันแน่นะ?
ก็ไม่ค่อยเห็นอะไรนะนอกจากบ้านเรือนก็พวกพืชหญ้าสีเขียวๆอุดมสมบูรณ์
เนื่องจากเพราะเมื่อคืนดูมาดากัสก้า3จบก็ปาไปเที่ยงคืน แล้วต้องมาตื่นตอน6โมงเช้า เดินแบกกระเป๋าหนักๆอีก จนรู้สึกถึงความเหนื่อยจนกระทั่งหลับไป หลับยาวเลย แม้แต่ใกล้จะถึงแล้วก็ยังหลับจนต้องให้พี่มาปลุก ไอ้เราต้องประคับประคองสติเอาไว้ อื้อถือโตเกียวแล้วนะ!
เอาล่ะ!!!! เมื่อมาถึงสถานีShinagawaหรือนั่นก็คือมาถึงโตเกียวแล้วนั่นล่ะ เราก็ต้องเอาของไปเก็บก่อน ซึ่งโรงแรมที่เราพักนั้นอยู่ที่ชินจูกุ เราต้องนั่งรถไฟต่อไปอีกก็จะถึงชินจูกุล่ะฃ
ระหว่างเดินไป เจออะไรอีกละ ป้ายสวนสนุกเครื่องเล่นที่มีมายุเป็นพรีเซนเตอร์ อร๊ายยยย (ฮ่าๆๆๆ)
ถ่ายสิคะ!!
อยู่ที่สวนสนุกโตเกียวโดมเหรอ? อยากเล่นจังเลยนะ เคยดูTrailerนี้มาก่อนด้วย น่าสนุกดีจังแฮะ
ต้องนั่งไปสายที่ไปชินจูกุ ถ้าเรานั่งสายนี้ไปก็ไปชิบูย่า กับ อิเคะบุคุโระ ได้ด้วย แต่ว่าเดินเที่ยวแบบแบกกระเป๋าไปมันก็คงไม่ดีหรอกใช่มั้ย กระเป๋าหนักจะตาย
ขบวนที่เราไปชินจูุกุนี้เราเจอป้ายโฆษณาอีกแล้วแฮะ แต่คราวนี้ของเจ๊ยู หรืออามามิ ยูกินั่นเองล่ะ ไม่ใช่XYLITOL แต่เป็นAEON (ตอนถ่ายนี่ต้องรอให้คนออกแล้วฉวยโอกาสตอนคนไม่มีในเวลาเสี้ยงวินาทีถ่ายมัน จริงๆนะ)
เมื่อมาถึงสถานีชินจูกุแล้ว เดินออกมาถือว่าสถานีใหญ่มา คนวุ่นวายดี นี่เหรอที่ๆห้างขายของแบรนเนมเขาอยู่กันน่ะ แต่ว่าน่าเสียดายแฮะว่าวันนี้ฝนดันตก แต่ว่าถึงฝนจะตกคนก็ยังเยอะอยู่ดี เพราะคนญี่ปุ่นนิสัยชอบพกร่มกันน่ะ
หลังจากนั้นก็เริ่มตะลุยหาโรงแรมที่จองกันละ เพราะกระเป๋าที่แบกนี่เริ่มทำพิษปวดไหล่แล้วล่ะ
เมื่อรู้ว่าโรงแรมนั้นแค่เดินตรงไปจากสถานีชินจูกุข้ามถนนไปประมาณ3-4สาย เลี้ยวขวาก็ถึง (จากที่ไปโทรถามโรงแรม) ฉะนั้นเราก็เดินไปตามฝนไปนี่ล่ะ รู้สึกไม่มีร่มแล้วมันดูบ้านนอกไงไม่รู้นะสำหรับที่ญี่ป่นเนี่ย
หลังจากนั้นเดินไปเรื่อยๆก็เจอกับป้ายปิงจิงโกะAKB48ใหญ่บักเอ้ก! แม่เจ้าโว้ย อยากเอาไปไว้หน้าบ้านว่ะเหย้!!!! กำลังจะถ่าย แต่พี่ดันเดินเข้าไป อ้าว นี่เราถึงโรงแรมแล้วเหรอ? แล้วปาจิงโกะก็อยู่ข้างโรมแรมนี่ด้วย โอ้ โห แจ่มว่ะเหย้!!!! ไอ้ตอนเข้าเรายังไม่ถ่าย เพราะเดี๋ญวพอเราออกมาเดี๋ยวถ่ายก้ได้
หลังจากที่เข้าไปโรงแรมแล้วโรงแรมบอกว่าเช็คอินได้ตอนบ่ายสอง (นี่พึ่งจะเที่ยงเอง) เลยทำการจัดการฝากกระเป๋าก่อนไรก่อน แล้วออกมา
แล้วอย่างที่บอก ออกมาแล้วก็จะต้องถ่ายรูปป้ายนั่น แล้วหน้าร้านมีพนักงานเขาคอยแจกผ้าร้อนๆให้ แต่ตอนที่เราถ่ายเขาไม่อยู่ เลยรีบถ่ายซะ
ป้ายข้างใน แต่อยู่ข้างนอกปาจิงโกะ
นี่แหละๆป้ายๆ มีเอวาเกเลียนเข้ามายุ่งหน่อย แต่ก็ใหญ่บักเอ้กอ่ะ!!!
เอาอัตสึยูเข้ามาเท่านั้นอีกต่างหาก แบบ..ฟินอ่ะ อัตสึยูอ่ะ!!!!
อันนี้ป้ายเล็กที่วางไว้ข้างๆ มีซัชชี่เข้ามาร่วมด้วย
ภาพเมื่อกี้มีนิ้วบัง เอาใหม่!!!
หลังจากที่ถ่ายมาแล้วเรียบร้อย (โอ๊ย ฟิน!) ก็มุ่งหน้าไปที่สถานที่ที่พี่เขาอยากไป (ไอ้เราอยากไปมั้ยเหรอ? ก็เฉยๆนะ) นั่นก็คือ "สมาคมสร้างคุณค่าของญี่ปุ่นสาขาโตเกียว" หรือที่คนเขาเรียกกันว่า "หมู่บ้านชินาโนะมาจิ" อื้อ ที่โอซษก้าเราไปสมาคมที่โน่นแล้วใช่มั้ยล่ะ คราวนี้เราก็มาที่โตเกียวบ้าง แล้วทำไมต้องชินาโนะมาจิ ก็เพราะว่าที่ชินาโนะมาจิ อาจารย์อิเคดะเขาอยู่ที่นั่น (อาจารย์อิเคดะเขามีอิทธิพลกับสมาคมมากเลยนะ) แล้วสมาคมกับอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับสมาคมก็อยู่ระแวงนั้นด้วย เขาเลยเรียกกันว่า "หมู่บ้านชินาโนะมาจิ" กัน
เอาล่ะ ฟังรายละเอียดเล็กน้อยกับสถานที่จะไปกันละ มาต่อๆ
หลังจากที่ถ่ายไอ้ป้ายนี่เสร็จ ก็กลับไปสถานีชินจูกุเหมือนเดิม เพื่อนั่งรถไฟต่อไปที่สถานีชินาโนะมาจิ Shinanomaji
มาถึงละ เย้!
ออกจากรถไฟมาก็มีป้ายเกี่ยวกับของสมาคมเลยล่ะ ลุงมองไม?
ลืมบอกว่า สิ่งที่เราจะรู้ได้ว่านี่เกี่ยวกับสมาคมอีกอย่างนอกจากสถานที่แล้วไรแล้วก็คือ
"แถบสีสามสี (น้ำเงินเหลืองแดง)" นั่นเองล่ะ
ถ้าอยู่ชินาโนะมาจิแล้วเห็นแถบสามสีนี่ อ้อ ต้องเกี่ยวกับสมาคมแน่ๆเลยล่ะ
ป้ายโฆษณาเบียร์ของโทดะ เอริกะใหญ่บักเอ้กที่สถานี!
โฆษณาวิสกี้ซันโทรี่ของคันโนะ มิโฮะ น่ารัก+โคตรใหญ่บักเอ้กเลย!!!
นอกจากโฆษณาทั่วไปแล้ว ก็ยังมีโฆษณาเกี่ยวกับของสมาคมแล้วก็เครือของสมาคมเต็มเลย
หลังจากออกจากสถานีชินาโนะมาจิแล้วเรียบร้อยก็ทำการเดินหาสมาคม เอาล่ะ เดินมาเจอตึกแรก
เนื่องจากว่ามันเป้นAnnex แล้วเขาก็ไม่ให้เข้าด้วย เลยทำการไปอีกที่ที่พวกเขาบอกก็คือสมาคมสำหรับInternational หรือพูดง่ายๆก็คือ สมาคมที่ต้อนรับชาวต่างชาติที่มาญี่ปุ่น
ขณะกำลังเดินทางไปก็รู้สึกหิว+ฝนตกอยากได้ร่ม ไอ้พี่ก็มาด่าแล้วก็พาไปซื้อข้าวปั้น+ร่ม500เยน ที่แฟมิลี่มาร์ท ข้าวปั้นรสแซลม่อนอร่อยทีเดียวล่ะ ทำไมที่ไทยไม่เอาอะไรแบบนี้มาขายนะ
เดินๆไปหาสมาคมที่ว่านั้นแล้วก็มาถึง แต่เนื่องจากว่าเขาไม่ให้ถ่ายรูปเลยไม่ได้ถ่าย ก็ทำการรอๆ แล้วก็มีพนักงานคนญี่ปุ่นนี่ล่ะพูดภาษาอังกฤษคล่องปร๋อเลยล่ะ มาทักทายมาแนะนำมายินดีต้อนรับว่าที่สมาคมน่ะนะมีไรบ้างตรงนี้ตรงนั้นมีอะไรบ้าง
แล้วขณะที่พี่กำลังคุยกับพนักงานอยู่ ไอ้เราก็เดินไปแถวๆตู้หนังสือ เห็นว่ามีการรวบรวมข่าวของสมาคมหลายประเทศเอาไว้ แต่จะหาประเทศไทยดันไม่มี อ้าว ไม่มีประเทศเราเหรอ? จู่ๆมีคนญี่ปุ่นที่นั่งอยู่เขาก็ยื่นแฟ้มประเทศไทยมาให้ อ้าว? เอ็งเอามาทำไม ก็ขอบคุณๆ แล้วจู่ๆเขาก็พูดภาษาไทยว่า "เป็นคนไทยเหรอ?" อ้าว เมิง! พูดไทยได้นี่ ถึงสำเนียงจะญี่ปุ่นจ๋าไปหน่อยก็เถอะ ก็ ค่ะๆใช่ ก็นะ เขาบอกว่า อยู่พระโขนง นี่ล่ะ อ๋อ เหรอพระโขนงเหรอ? แล้วเขาก็หาข่าวในแฟ้มประเทศไทย แล้วก็ชี้ว่านั่นเขาเองล่ะ ...อืม จากที่ฟังเขาพูดภาษาไทยเขาก็พูดไม่ได้ชัดไรมาก ภาษาไทยก็ได้นิดหน่อย พูดประมาณว่า เธอชื่อไร กินข้าวยัง ไรงี้ ก็คือ เบสิคๆน่ะลล่ะ
ไอ้เรากลับมาที่โต๊ะที่เรานั่ง แล้วพนักงานเขาก็เดินมาพร้อมถุงกระดาษถุงใหญ่สีขาวใบนึง แล้วก็บอกว่า นี่คือของจากอาจารย์อิเคดะให้พวกเรา ในนั้นก็มีลูกประคำ ถุงใส่ลูกประคำ นิตยสารของสมาคม พัดของแต่ละคน (ของเราได้ปลาทองกระดาษสีเขียวอ่อนล่ะ) แล้วก็อะไรอีกเยอะแยะ จนแบบ เอ๋? อะไรน่ะ?
จากนั้นเขาก็ให้เราถ่ายรูปก็ภาพของอาจารย์
อยากจะบอกว่าชุดที่ใส่วันนี้โคตรเห่ย โดยเฉพาะกางเกง (ก็พี่บอกว่าไปสมาคมให้ใส่กางเกงขายาว...ทั้งๆที่จริงแล้วใส่แค่ครึ่งเข่าก็ได้ orz)
อื้อ หลังจากนั้นก็ออกมา พร้อมกับผู้ชายที่พูดภาษาไทยได้นิดหน่อยคนนั้น (เราลืมไปแล้วว่าเขาอยู่จังหวัดอะไรในญี่ปุ่น ต้องขอโทษด้วยนะ) แล้วก็เดินป คราวนี้พี่บอกว่าจะไป สำนักพิมพ์ Seiko Shimbun เป็นสำนักพิมพ์ที่พิมพ์อะไรต่างๆของเครือสมาคม แล้วก็ทำหนังสือพิม์เซย์เคียวอีกด้วยต่างหาก
ระหว่างเดินก็ไปเจอสมาคมแผนกต่างๆเยอะเลย
สมาคมสำหรับผู้หญิงอ่ะนะ รู้สึกจะนานาชาติด้วยหรือเปล่าเห็นเขีนInternationalด้วย (ที่นี่เราไม่ได้เข้านะ)
ที่นี่คือ MIN-ON หรือก็คือ พิพิธภัณฑ์เครื่องดนตรี ซึ่งที่นี่เข้าฟรี แถมที่นี่ยังเก็บ "เปียโนที่เก่าที่สุดในโลก" ไว้อีกด้วยล่ะ (ซึ่งวันนี้ไม่ได้เข้า แต่จะเข้าอีกวันนึง)
ไปที่ต่างๆมากมายจนไอ้เราลืมไปแล้วว่าที่ไหนคือที่ไหนก็แน่ สมแล้วที่เรียกว่า "หมู่บ้านชินาโนะมาจิ" จริงๆนะ
แล้วก็มาถึงซักที สำนักพิมพ์ "เซย์เคียว ชิมบุน" ตึกสำนักงานใหญ่ล่ะๆ
ส่วนนี่ก็เป็นร้านของเซยืเคียวเขา จะซื้ออะไรของเซย์เคียวก็มานี่นะ
เนื่องจากว่าเขาไม่ให้เราเข้าไป แต่ให้เราถ่ายรูปได้ เขาก็เลยถ่ายรูปให้เรา
ข้างๆเราคือผู้ชายที่พูดภาษาไทยนิดหน่อย
หลังจากที่ไปถามชื่อมาแล้วเขาชื่อ ชินโกะ ล่ะ
อีกช็อตแนวตั้ง 555+
แต่ว่า เขาก็ให้เราเข้าไปดูพิพิธภัรฑ์ของเซย์เคียว ชิมบุนได้ด้วยนะ ซึ่งก็อยู่ข้างๆนี่เองล่ะ
ก่อนที่จะเข้าเราต้องลงทะเบียนก่อนว่าเราจะเข้าไปดูนะ อื้อ ชินโกะซังเขาก็ลงทะเบียน เอาเราไม่ได้ลงว่ะ 5555+ เขาลงให้ แล้วเขาก็จะให้ที่ห้อยคอมา ว่าเป็นแขกเข้ามาเยี่ยมชมนะ
อื้อ เนื่องจากว่าข้างในเขาไม่ให้ถ่ายรูปน่ะ เลยไม่ได้ถ่าย แต่ข้างในก็เป็นห้องเล็กๆ อธิบายความเป็นมา ขั้นตอนของการทำหนังสือพิมพ์เซย์เคียว แม่พิมพ์ทำหนังสือพิมพ์เซย์เคียวสมัยก่อน หนังสือของเครือสมาคมหลายๆประเทศทั่วโลก (มีของประเทศไทยด้วยล่ะ) แล้วก็เจอสมาชิกชาวเกาหลีด้วย อ้าว อันยองฮาเซโยเว้ย!
แล้วก็เข้าไปดูวิดีโอต่างๆของสมาคมสร้างคุณค่าในเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์งานวัฒนธรรมของชาวคันไซ อะไรอย่างนั้น (พี่บอกว่าดูแล้วร้องไห้ อ้าว เห้ย!)
หลังจากเสร็จจากตรงนั้นก็ออกมาที่หน้าเคาท์เตอร์เล็กๆที่มาเอาป้ายห้อยนี่ล่ะ เอามาคืน แล้วเขาก็บอกว่า เอ้อ ข้างๆตึกสำนักงานใหญ่เนี่ยมีไอ้หุ่นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ล่ะ เอ็งเดินไปดูสิ ไม่ดูก็ไม่ต้องดู (อันนี้เสริมเองเขาไม่ได้พูดหรอก)
ก็ให้คนที่ชื่อว่าชินโกะซังพาไป ซึ่งก็อยู่ในซอกเล็กๆ เกือบกลมกลืนไปกับพุ่งไม้แล้วล่ะ
อย่างที่เห็น อันนี้เป็นผู้ชาย ก็ถ่ายรูปกันสองสามรูปแล้วก็เดินไปอีกที่
อีกอันก็เป็นผู้ชาย แต่แค่เปลี่ยนชุด...เอ็งเอาผู้หญิงไม่ได้เรอะ?
ถ่ายกันอีกสองสามช็อตแล้วก็เดินออกไป . . .
สถานที่ต่อไปในหมู่บ้านชินาโนะมาจิคือ "บ้านของอาจารย์อิเคดะ" อา ถึงแม้ว่าคนไทยจะไม่รู้จักกันเสียเท่าไหร่ แต่ว่า อาจารย์อิเคดะเขาเป็นคนที่มีความสำคัญมากระดับโลกเลยล่ะนะ
จำเป็นต้องมียามเฝ้าตลอด24ชั่วโมง เพื่อป้องกันมีใครมาอบทำร้ายอาจารย์ล่ะ แล้วเหมือนชินโกะซังพูด(แบบงูๆปลาๆ)ว่า อาจารย์ไม่อยู่ในบ้านน่ะตอนนี้ อื้อๆ ไม่อยู่เหรอ ไม่เป็นไร มาก็ดีแล้ว
(จะข้ามไปเลยก็ไม่ดีแฮะ)
ต่อมาก็เดินไปที่อื่นๆ ไม่ว่าจะไปไหนก็เจอแต่สมาคมล่ะ สมแล้วที่ชื่อว่า "หมู่บ้านชินาโนะมาจิ"
อันนี้ก็คงเป็น สมาคม สำหรับยุวชน มีWORLDด้วยน่าจะเป็นทั่วโลก
ไอ้เราไม่เข้าหรอก เข้าไม - -*
อันนี้เราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร พนักงานสมาคมเขาก็ไม่ให้เขา ชินโกะซังก็พูดไม่รู้เรื่อง อธิบายไม่ถูก
สรุป คือ มันคืออะไรไม่รู้ เอ้อ - -*
มีสวนที่ระลึกอาจารย์โทดะ (อาจารย์โจซอิ โทดะ เป็นอาจารย์ของอาจารย์อิเคดะ และเป็นนายกสมาคมคนที่สองของสมาคมสร้างคุณค่า)ด้วยนะ
เนื่องจากว่าพอเดินกลับมา ดูเหมือนว่า สมาคมแห่งใหม่ที่กำลังสร้างเขาเอาผ้าที่บังไว้เอาออกมา ก็เลยได้เห็นตัวร่างของสมาคมแห่งใหม่ พี่ก็เลยทำการถ่ายไว้ซะ
จากนั้นก็ไปที่สมาคมอีกแห่ง (โอ๊ย เยอะไปแล้ว!) ที่เป็นศูนย์รับเงินบริจาคจากสมาชิกโดยเฉพาะ
เข้าไปแล้วแบบ ข้างล่างเขาให้กรอกแบบฟอร์มว่าจะบริจาคเท่าไหร่ อะไรเท่าไหร่ แล้วก็ขึ้นไปชั้น2เพื่อทำการยืนยัน ไอ้ข้างล่างนี่ไม่เป็นไรหรอก ข้างบนนี่สิ
"พูดภาษาอังกฤษกันไม่ได้เลยจ้า!" พระเจ้างานเข้าแล้ว! ไม่รู้จะสื่อสารไง พนักงานก็รีบติดต่อใหญ่เลย เห้ย ใครพูดอังกฤษได้รีบเอามาเลยนะเมิง! วิกฤตระดับชาติเชียวนะเมิงเอ้ย! (ไอ้เรานี่ยูซูเกะไม่อยู่วิกฤตระดับชาติพอกัน) รอกันไปรอกันมาก็มา เอ้อ ถึงแม้จะพูดได้งูๆปลาๆ (แต่เขาน่ารักอ่ะ) แต่ก็ทำให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี แล้วก็ไปเจอสมาชิกชาวเกาหลีที่เจอกันที่สำนักพิมพ์เซย์เคียวนั่นอีกแล้ว! มาบริจาคเหมือนกันเรอะ
แล้วพึ่งสังเกตว่า ที่นั่นถึงแม้เขาจะสื่อสารกันไม่ได้ แต่ว่าเขาก็มีเล่มภาษาต่างๆ (สมมติว่าจะบอกให้เขา เอาตังค์มานะ! เขาก็จะจิ้มประโยค "เห้ย เอาตังค์มานะ!" ที่มีประโยคภาษาอังกฤษกำกับไว้อยู่ข้างล่างด้วยในแฟ้มนั้น หรือไม่ก็จะอ่านให้เขาฟังก็ได้เพราะ มันก็มีคำอ่านภาษาญี่ปุ่น(ให้พูดภาษาอังกฤษ)ในนั้น) ตอนที่คนเกาหลีกำลังนั่งอยู่ คนที่พูดอังกฤษได้คนนั้นก็หยิบแฟ้มภาษาเกาหลีขึ้นมาแล้วก็พูดเป็นภาษาเกาหลีโดยการอ่านตามคำอ่านภาษาญี่ปุ่นในแฟม อะไรมีดาๆซักอย่าง มานีมีปูหรือไม่ ไม่ทราบ
แล้วเมื่อจัดการเสร็จ พนักงานที่จัดการเรื่องของพวกเราก็เอาสมุดกับการ์ดที่ให้กับทุกคนเมื่อเข้ามาบริจาคมาเป็นแพ็คเลย บอกว่าเอาไปฝากสมาชิกที่เมืองไทยนะ เห้ย...เอาจริงดิ อย่างเยอะอ่ะ! ก็ขอบคุณเขาไปแล้วก็ออกจากตรงนั้น (พนักงานคงคิด กูรอดแล้วเว้ย!)
แล้วก็ไปสวดมนตร์ที่สมาคมอีกล่ะ (คือมันมีที่ที่ให้สวดมนตร์โดยเฉพาะเลยล่ะ ที่ไทยล่ะต้องแยกเป็นห้องๆ ในสมาคมประเทศไทยน่ะนะ)
คนมาไม่ขาดสายทีเดียวล่ะ แล้วเขาก็ห้ามถ่ายรูปด้วยก็เลยไม่ได้ถ่าย
หลังจากนั้นเอาล่ะ ความสนุกของพี่เริ่มมาละ ไปซื้อของที่KONGODO
KONGODOก็คือร้านขายของไหว้ลูกประคำ ของที่ระลึกอะไรก็ว่าไป
แล้วเข้ามานี่เขาก็มีบริการเสริฟกาแฟกับขนมให้กับทุกคนด้วยล่ะ ก็ให้มานั่งดื่มก่อนไรก่อนได้ บริการดีมากเลยล่ะ
เขาบอกว่านี่คือ นมล่ะ หรือก็คือ ครีมเทียม (เคยกินเปล่าๆแล้ว รสชาติ แย่ที่สุด! ครีมเทียมที่ไทยเราอร่อยกว่า หืม?)
กาแฟกับขนมล่ะ
แต่เนื่องจากว่าตัวเองกินกาแฟไม่ค่อยเก่งแล้วที่ให้มานี่กาแฟดิบๆโนชูก้าร์เลยนะ เลยจัดการเอานมหรือครีมเทียม(รสชาติแย่ที่สุด!) ใส่ลงไปในกาแฟ 4 ถ้วยเล็กๆ + น้ำเชื่อมอีกเยอะแยะ จนกลายเป็นกาแฟรสหวานที่ตัวเองกินได้ เยี่ยมไปเลย
หลังจากที่พี่ซื้อของจากKONGODOเสร็จ มีบอกด้วยนะว่า เดี๋ยววันพุธมาอีก ... เห้ย!!!! ถุงนี่มันกี่ใบแล้ววะ? เยอะแล้วนะเห้ย!
เมื่อเสร็จการเดินทัวร์ "หมู่บ้านชินาโนะมาจิ" เสร็จก็ทำการกลับ ตอนแรกตั้งใจว่า จะไปชิบูย่าต่อ แต่เนื่องจากได้ของกลับมาเต็มมือ จึงต้องกลับไปที่ชินจูกุก่อนแล้วค่อยไปชิบูย่า
เอาล่ะกลับชินจูกุกันดีกว่า ระหว่างทาง โอ้ว วอท เดอะ! เจออีกแล้ว!!!
บนหัว!!! มายุ!!!!!!
ปากทางประตูก็ อามามิ ยูกิ (ไซลิทอลอีกละ)
หลังจากที่ยืนอยู่นาน ก็มาถึงชินจูกุ พวกเรากับชินโกะซังได้แยกทางกันตรงนี้ จึงอำลากัน บาย~
ออกมาเจอมายุอีกละ อยากไปเล่นจริงๆนะที่ๆไปช่วยมายุออกจากคุกอ่ะ
เอาล่ะ มุ่งหน้ากลับโรงแรมที่ด้านหน้าเป็นป้ายปาจิงโกะอัตสึยูดีกว่า แฮ่~
จู่ๆ! อยู่ดีๆรองเท้าตัวเองดันเกิดอะไรขึ้นมา พื้นหลุด!!! (Adidasน่ะ) รองเท้าแตะไม่ได้เอามาด้วยอยู่ที่บ้านฟุรุทานิที่โอซาก้า เดินโคตรลำบากเลยตอนไปโรงแรมเนี่ย
กลับมาโรงแรมเอาล่ะ มันเลยบ่าย2มานานมากละ ก็เช็คอินแล้วก็ขึ้นไปที่ห้อง โอ้ ห้องก็ดีนะ รีบถอดรองเท้าอย่างแรกแล้วดูเลย...พื้นแตกอีกต่างหาก สงสัยเพราะเดินมากแน่ๆเลย (+อายุขัยของมันด้วยแหละ) ไปแฟมิลี่มาร์ทก็ไม่มี ไม่มีช้างดาวขายเลยเรอะ อย่างเซ็งอ่ะ!
จัดการเฉพาะหน้าโดยการดึงพื้นที่หลุดนั่นทิ้งแล้วเดี๋ยวไปซื้อที่ชิบูย่าแทน
ทำการจัดการธุรส่วนตัวอะไรเสร็จ(ไอ้เราต้องเปลี่ยนกางเกงเลย โคตรเห่ย ตอนเดินเนี่ย) ก็พักกันซักนิด เปิดดูทีวี อยากรู้นักว่าทีวีญี่ปุ่นมันเป็นยังไง โอ้โห สุดยอดดีจริง (อะไรๆก็สุดยอดปหมดนะเรา)
มีช่วงนึงเปิดมาเจอโฆษณา AKB Konto ด้วย
ตอนแรกถ่ายไม่ทันยูโกะ
มาอีกรอบ ถ่าย!!!!!!
หลังจากที่พักกันแล้วอะไรแล้วก็มุ่งหน้าไปชิบูน่าจ้า~!
แต่เดี๋ยว!!! พี่บอกว่า อยากไปลองเล่นปาจิงโกะก่อน อ้าว!!!! พูดงั้นก็เข้าไปที่ร้านปาจิงโกะใกล้กับโรงแรม เข้าไปกลิ่นบุหรี่จ๋าเลยจ้า~! ไปเล่นทุกวันได้มีตายแน่ๆ (ก็ว่าทำไมอัตจังถึงใส่ผ้าปากจมูกตอนไปแอบเล่นปาจิงโกะ) เนื่องจากว่าเราอายุ17 เลยเข้าไปไม่ได้ (ต้องอายุ18เท่านั้น) เลยได้แต่นั่นรอที่ด้านหน้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ถ่ายข้างในได้นิดหน่อย
พลังซูมบ่องข้าวหลามแคนน่อน!!! ได้ขนาดนี้เลยนา!!!!!
เหมือนร้านนี้จะเรียงป้ายเมมเบอร์แต่ละคนจากอันดับเลือกตั้งAKBครั้งล่าสุด
(ตั้งแต่ซัชชี่ ยูโกะ มายุ ลงไป)
ด้านหน้าก็มีคู่มือแนะนำปาจิงโกะของAKBด้วยนะ ไอ้เราก็หยิบมาตั้ง7เล่ม!
(ตอนนี้ให้น้องรหัสไปเล่มนึง แล้วก็ น้องสมาชิกเพจอามามิ ยูกิที่สนิทกันแล้วก็ชอบเอเคบีด้วยอีกเล่ม)
ป้ายอัตสึยูใกล้ๆ = w=)
ภาพนี้ต้องอาศัยจังหวะเลยล่ะ ต้องรอให้พนักงานที่ใส่ชุดเอวาเกเลี่ยน เดินออกไป + รอให้หน้าจอเป็นเอเคบีก่อนถึงจะถ่ายได้ โคตรนานกว่าจะได้เลยล่ะ
หลังจากพี่เล่นเสร็จแล้ว พี่บ่นว่าเล่นยากชะมัด เอ้อ...เห็นแล้วก็เล่นยากดีนะ
เอาล่ะมุ่งหน้าไปชิบูย่าได้ละ! ไปได้ไม่กี่นาทีก็มาถึง ออกมาจากสถานีก็เจอกับ หมู่คนจำนวนมากมาย เหมือนสยามบ้านเราก็ไม่ผิด แต่เส้นใหญ่สีแยก คนข้ามถนนกันเยอะแยะ เบื้องหน้าคือ TSUTAYAที่ใหญ่ที่สุด!!
แสงสีเยอะจริงอะไรจริง แสบตามาก...
อย่างแรกที่อยากเข้าไปมากตั้งใจว่าอยากจะเข้าให้ได้ก็คือTSUTAYAที่ชิบูย่าแห่งนี้นี่ล่ะ เอาล่ะ เข้าไปกันเถอะ! ในTSUTAYAที่นี่น่ะมีหลายชั้นเลยล่ะ ชั้นแรกนี่เหมือนจะเป็นพวกซีดีที่โปรโมตกันในช่วงนั้นๆ กับพวกคอนเสิร์ตอะไรอย่างนี้ ขึ้นมาชั้นที่2 ชั้นนี้ล่ะที่พวกเราจะต้องซื้อ เป็นชั้นCDรวบรวมศิลปินไว้เกือบหมด ถ้าไม่มีที่นี่ก็คือหมดแล้วจริงๆ แล้วชั้น2นี่ก็มีสตาร์บัคให้นั่งด้วยล่ะ เก๋มากเลย เอาล่ะไอ้เราก็ทำการหาแผ่นที่เราต้องการ+เพื่อนต้องการกันดีกว่า แต่ว่าก่อนที่จะหาก็ไปเจอกับพวกลายเซ็นของนักร้องที่เขียนให้กับTSUTAYA แล้วก็เจอAKB48ล่ะ
พึ่งสังเกตตอนกลับจากญี่ปุ่นว่าข้างๆAKBนั้นมีSKEด้วย...แบบว่าไม่ได้สังเกตจริงๆ แต่ว่าก็ถ่ายมาได้หมดนะของSKE (ลองซูมใกล้ๆแล้วก็ชัดดีนะ)
ทำการเซอเวย์ไปหาแผ่นของเพื่อนก่อน เพื่อนหาแผ่นวงplus+ ซึ่งเพื่อนได้ให้ภาพมาแล้วบอกว่าแผ่นนี้มันออกมาเมื่อปีที่แล้วมันคงไม่มี (เพื่อนบอกอีกว่าถ้าไม่มีนี่ก็ให้ซื้อโฟมล้างหน้ามาให้หน่อย)
แล้วแผ่นที่ว่าของเพื่อนก็คือแผ่นนี้ล่ะ
ซึ่งไอ้เราก็เดินหาไปเรื่อยๆล่ะนะ แล้วระหว่างนั้นก็หาแผ่นอีกแผ่นนึงให้น้องรหัสด้วย ก็คือ MAICO เหมือนจะเป็นนักร้องวงCHEERY BLOSSOM ที่ตอนนี้วงได้ยุบไปแล้ว แล้วก็มาร้องเป็นนักร้องเดี่ยวๆน่ะ ก็ลองไปถามพนักงานว่ามีมั้ย? พนักงานก็ค้นแล้วบอกว่าไม่มี ก็เสียดายไป (เลยไม่ได้เอาอะไรไปให้น้องเลย ในวันเกิดน้อง เอาAKBให้น้องแทน - -*) อย่างนั้นก็เลยหาของเพื่อนต่อ ก็เดินไปเรื่อยๆในที่สุดก็เจอล่ะ อยู่ข้างล่างสุดเลย แผ่นสุดท้ายในร้านด้วย โอ้ ดวงดีไปนะเพื่อน!
มาส่วนของตัวเอง แน่นอนว่าเป็นAKB48 แล้วตั้งใจว่าจะซื้อแผ่นๆนึงเมื่อมาที่นี่คือ เพลง Kimi ga Omotteruyori ของ AKB Team Surprise ซึ่งตอนนั้นไม่รู้เลยว่ามันขายเฉพาะที่เฉพาะทาง คิดว่าที่ร้านTSUTAYAเขาขายกันไรกัน ไอ้เราก็หาแล้วหาอีกก็ไม่เจอ แต่ก็เจอแผ่นAKBหลายเพลงเลยล่ะ มีเพลงOPของDragon Ball ที่AKBไปร้องให้ด้วย เก่าขนาดนั้นยังมีอ่ะ อ้เราก็ เอ้อ พี่ให้ซื้อ2แผ่น ทำไงดี เลือกไปเลือกมา เจอFlying Get 2แผ่น Type A กับ Type B คนละปก ไอ้เราก็ไม่รู้ อันไหนลิมิตเต็ดหรือเปล่าไม่รู้เลือกType B ไป แล้วก็เอาแผ่นเฮวี่โรเทไทป์Aไปแผ่นนึง
แล้วจากนั้นก็ดันไปทำเรื่องหน้าแตกหน้าเสียอายตัวเองเกิดขึ้น
เมื่อจะทำการขึ้นไปอีกชั้นซึ่งเป็นชั้น3 ก็ดันเอาแผ่นซีดีที่เลือกไว้ไปด้วย "ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ" อ้าว เห้ย! เกิดไรขึ้น!!!! บันไดเลื่อนกันส่งเสียงแล้วเราก็รีบออกจากบันไดแล้วไปหาพี่ที่ตาบัค เฮือก!!! หน้าเสียชะมัดเลย!!!! มันไม่ได้เชื่อมต่อกันซะงั้นอ่ะ! ต้องจ่ายเป็นชั้นๆไป orz ก็ฝากแผ่นไว้ที่พี่แล้วก็ขึ้นไป"ตัวเปล่า"
โอเค ขึ้นมาชั้นที่3 เป็นที่ขายซีดีเหมือนกัน ไอ้เราก็เดินไปดูมุมAKB อ้า เจอละ เป็นโซนเฉพาะเลยแฮะ
เดินเข้าไปดู เจอซีดีเพลงของAKB Team Surprise ด้วย แต่แบบว่าเหมือนมันแกะแล้วน่ะ แล้วก้เห็นติ๊กเกอร์ที่กล่องว่า RENTAL อ้าว...งี้แสดงว่าต้องเช่าสินะ ซื้อไม่ได้สินะ ก็เซ็งไป แต่ว่าก็เจอซีดีของหลายๆคนเยอะทีเดียว โดยเฉพาะอนิเมะนี่เต็มเลย แต่เราไม่เชี่ยวเรื่องอนิเมะเลยไม่ได้สนใจอะไรทางนั้น
นอกจากตัวเองจะอยากได้CD AKBแล้วก็ยังอยากได้DVD ซีรี่ส์ด้วยล่ะ ที่อยากได้เมื่อตอนนั้นคือเรื่อง Kaeru no Oujosama ที่อามามิ ยูกิกับโอชิมะ ยูโกะแสดงน่ะ แล้วในTSUTAYAก็บอกว่า หนังกับละครอยู่อีกชั้น เอาล่ะ ขึ้นไปอีกชั้นกันเถอะ ไปด้วยสภาพ"ตัวเปล่า" ไม่มีของอะไรจากร้านไป ก็ขึ้นไปดู
โอ้โห!!! แม่เจ้า!!!! หนังละครเพียบเลย!!!! เจองี้ตะลุยเลยจ้า อย่างแรกที่เจอคือ
Kueki Ressha!!! หนังปวดตับที่อัตจังเล่นแล้วมีฉากในตำนาน มันห้หรด่หกสวฟ โอ้ว!!!!!!!!!!!!
(ใครอยากดูเรื่องนี้เราก็ทำซับไว้แล้วล่ะ ใครอยากมีประสบการณ์ดูแล้วปวดตับก็เข้าไปดูกันเถอะนะ คลิกสิถ้าอยากปวดตับ)
ไปเรื่องอื่นดีกว่า เอาล่ะแล้วมาเจอไรอีกเนี่ย
Kekkon Shinai เรื่องนี้ใครอยากดูก็ทำซับไว้แล้วเช่นกันนะ แต่ขอบอกว่ามันน่าเบื่อสุดจะทน ไม่รู้ทำมาได้ไงจนจบ เพราะนักแสดงคนที่ชอบหรือเปล่านะ? (ได้ข่าวว่าเรื่องนี้ทำตัวเองลืมนักแสดงคนที่ชอบได้เลยล่ะ)
Around 40 ละครชีวิตของคนอายุวัย40ล่ะ หลายคนที่ชอบอามามิ ยูกิส่วนนึงก็ชอบเรื่องนี้ล่ะ (เราคนนึงที่ไม่ใช่)
BOSS หรือชื่อภาษาไทยคือ BOSS ทีมล่าทรชน ที่Thaipbsเขาเอาลงมาฉาย ได้รับกระแสดีมาก คนส่วนใหญ่รู้จักและชอบอามามิ ยูกิก็มาจากเรื่องนี้ล่ะ!
Rikon Bengoshi ตอนแรกที่เจอก็ตกใจจริงๆนะ เรื่องนี้มันตั้งแต่สมัยปี2001แล้วล่ะ แต่ก็เอามา
เรื่องนี้มีแผนกับพี่อีกคนว่าจะทำซับเรื่องนี้กัน (เพราะมีคนทำซับอังกฤษไว้ด้วย) แต่ว่าเรามีหน้าที่แค่Timingเฉยๆน่ะ เลยไม่ได้ทำอะไรมาก จะเริ่มโปรเจคกันปิดเทอม(ต.ค. 2013)นี้
ส่วนนี่ก็เป็นเรื่องRikon Bengoshi 2 ภาคต่อ(?)ของภาคแรก เรื่องนี้ก็ตั้งแต่สมัย2005ละ - -*
Last Present เป็นละครสมัยปี2004 เป็นแนวดราม่า เหมือนเป็น ชีวิตครั้งสุดท้ายที่จะได้อยู่กับลูก อะไรทำนองนั้นมั้ง เคยดูแต่ลืมละ
สาวน้อยแม่มดเมงุตัน = w=)
ข้างบนเมงุตันก็ ผู้ล่วงรู้อนาคตของความรักของมนุษย์ มิเอลิโน่ คาชิวากิ!
BOSS 2 นี่อยู่ข้างบนแถวๆเรื่องKekkon Shinai น่ะล่ะ
ซึ่งทั้งหมดนี่ ซื้อไม่ได้หรอกนะ เป็นแบบเช่าหรือrentalนั่นล่ะ แบบว่าที่นี่น่ะ ถ้าอยากจะเช่าเรื่องนี้ ก็หยิบกล่องตอนนั้นๆขึ้นมา แล้วก็หยิบไส้ใน(แผ่นของตอนนั้นๆ)ของมันออกมา (มันจะมีที่จับให้อยู่ข้างบนกล่อง) ถ้ากล่องไหนไม่มีถือว่ามีคนเอาไปแล้ว แต่ว่าส่วนใหญ่ร้านจะเอามาไว้ตอนละสองสามแผ่นล่ะนะ
หาเรื่องส่วนใหญ่ของอามามิ ยูกิเจอแล้ว แต่ดันไม่เจอKaeru no Oujosama อย่างเซ็งเลยล่ะ
เนื่องจากว่าอยู่มันมานานแล้ว แล้วก็ไม่คิดจะขึ้นไปต่อด้วย เพราะขึ้นไปจะเป็นหนังของตะวันตกแล้วก็ขึ้นไปอีกจะเป็นพวกเกมหรือซอฟต์แวร์นี่ล่ะ ไม่คิดจะขึ้นไปด้วยก็เลยลงมาหาพี่ที่ชั้น2เหมือนเดิม แล้วก็ไปจ่ายตังค์ โดนพี่ด่าใหญ่เลยว่า ไม่ต้องไปแล้วมั้งเนี่ยที่อื่นน่ะ
หลังจากเสียเวลาไปมากกับTSUTAYA ก็ออกมาแล้วมุ่งหน้าไปที่UNIQLO ล่ะ เพื่อไปซื้อรองเท้ามาใส่แทนไอ้รองเท้าพื้นแตกนี่ไปก่อน
เข้าUNIQLOไปก็ มันก็ไม่ต่างกับประเทศไทยนะ เข้าไปเลือกรองเท้า เอามิกกี้เม้าส์นี่ล่ะ เลือกเสร็จไปจ่ายตังค์ ออกมาก็เปลี่ยนเลย
ตอนเปลี่ยนเจอตังค์ 350เยนวางไว้ข้างๆ...ทำไงน่ะเหรอ? ง่ายๆ หยิบสิคะ
อา ระหว่างนั่งพักอยู่หน้าUNIQLO พี่ก็บอกว่า เออ เนี่ย เปิดหนังสือ (คู่มือเที่ยวที่ซื้อมาจาคิโนะ) ร้านนี้เนี่ยน่ากินนะเปิด24ชั่วโมงด้วย จะกินมั้ย ไอ้เราก็เออ กินก็ได้ๆ แล้วก็เริ่มตามหา
หาไปหามาไม่เจอ หรือว่ามันย้ายร้านไปแล้วนะ ก็เลยลองหาร้านอื่น จะไปถามคนแถวๆนี้ก็ไม่กล้าเพราะเดี๋ยวถามมารัวกลับ แย่เลย เดินวนไปวนมา หาไม่เจอซักที ชิบูย่าเนี่ย
ระหว่างหาก็เจอป้ายรักการอ่านของAKBด้วย (ขอตั้งชื่อให้มันงี้นะ)
เอาล่ะ หากันไปหากันมาไม่เจอ แล้วไอ้เราก็ไปเจอร้านข้าวหน้าเนื้อ ซูกิยะ ซึ่งไอ้เราก็อยากกินอยู่ด้วย ก็เลยบอกพี่ว่า อ่ะกินเหอะๆ อืม สุดท้ายก็กิน
ไอ้เราสั่งข้าวหน้าเนื้อธรรมดาหนึ่งชาม ส่วนพี่ใส่ไข่อะไรไม่รู้เข้าไปด้วย
หน้าตาของข้าวหน้าเนื้อซูกิยะที่ญี่ปุ่น ซึ่งมันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรในไทย
พอกินแล้ว รสชาติแจ่มจริงๆ!!!! ส่วนของพี่ ไอ้ใส่ไข่นี่มันรสชาติห่วยแตกมากันคืออะไรกัน!!!... แล้วก็นะ พอกินเสร็จ ก็ออกมาเดินดูมีไรมั่ง ซึ่งรู้สึกจะไม่มีไรเดินแล้ว ก็ไปดูร้านรองเท้านิดหน่อย (แต่ก็ไม่ได้สอยไรกลับไป) แต่ว่าหน้าร้านรองเท้า มีป้ายซิงเกิ้ลเจลลี่บีนของมายุด้วยล่ะ มีลายเซ็นของมายุด้วย!
ซิงเกิ้ลที่2นะเห้ย สมัยไหนแล้วเนี่ย?
หรือเพราะว่ามีลายเซ็นเลยไม่เอาออก เก็บไว้งั้นแหละ สินะ?
แล้วจากนั้นก็นึกได้ว่า ที่ชิบูย่าน่ะมีหมาฮาจิด้วยนะ ไอ้หมาทนแดดทนฝนสีทนได้นั่นล่ะ ไอ้เราก็ เห้ยไปถ่ายกันเถอะ จากที่ได้ยินประวัติบอกว่ามันนอนอยู่หน้าสถานี ก็ อ้า ต้องหน้าสถานีสินะ แต่ว่ามันอยู่ไหนล่ะ ไอ้พี่ก็พาไปแล้วบอกว่า นี่ไงหมาฮาจิ มองไปรอบๆ มันอยู่แถวริมม้านั่ง แล้วมันมืดเว่อร์ มองแทบไม่เห็น จะเข้าไปถ่ายรูปละ เอ้า มีคนถ่าย ไอ้เราก็รอ ถ่ายรูปเราเล่นๆไปก่อน และพอคนว่างเราก็ไปถ่ายซะ
จำไม่ได้แล้วว่าตอนถ่ายภาพนี้เราตั้งค่าแสงไว้สูงหรือเปล่า แต่ว่าตอนเราเจอนี่มันมืดมากเลยล่ะ
หลังจากถ่ายรูปอีกซักสี่ห้ารูปก็ทำการจะกลับ แต่ว่าคิดว่าจะไปฮาราจุกุก่อน ซึ่งตอนนั้นก็เวลาประมาณ4ทุ่มแล้ว รถไฟเที่ยวสุดท้ายตอนเที่ยงคืน (เสียเวลาไปกับTSUTAYAเยอะ) แล้วก่อนกลับก็ไปถ่ายป้ายโฆษณาก่อนซึ่งมีสองตัว...
XYLITOL ของอามามิ ยูกิ ป้ายขนาดใหญ่บักเอ้ก! ตรงทางลงไปรถไฟฟ้าใต้ดิน
อัตสึโกะ MyNavi!!!! อันนี้ตอนขาไปก็เจอแต่ว่าถ่ายไม่ได้เพราะพี่เร่ง พี่บอกว่า "เออ มาเหอะ มันไม่หายไปไหนหรอก" ไอ้ตอนขากลับเราก็รีบถ่ายซะ รีบถ่ายตอนที่คนยังว่างอยู่
หายากมากเลยล่ะ โฆษณาอัตสึเนี่ย
แล้วจู่ๆตอนที่ดูเส้นทางรถไฟ ดันมีคนญี่ปุ่นเข้ามาถาม ไอ้เราก็พอจะได้ยินและจับจุดได้ว่า เอ้อ หาสายไรอยู่ ไอ้ตอนนั้นพวกเราตั้งใจว่าจะไปอิเคะบุคุโร่ ก็เลยบอกไปว่า จะไปอิเคะบุคุโร่ คนๆนั้นก็บอกว่า เออไปสายนี้นะๆ ซึ่งไอ้เราก็รู้แล้ว เออๆก็ขอบคุณไป จู่ๆก็ถามอีกว่า เออ หิวป่ะเนี่ยๆ? ไอ้เราก็บอกว่า กินแล้วๆ แล้วเหมือนนจะบอกอะไรซักอย่างพร้อมแบมือมา เหมือนจะขอตังค์ ไอ้พวกเราก็ส่ายหน้าแล้วมันก็เดินไป...คือ มาทำอะไรกับพวกเราวะเนี่ย? ก็กลัวว่าจะเป็นขโมยก็เลยสำรวจว่ามีไรหายไม่ ก็ไม่นะ ก็ดีไป หลลังจากที่ดูสายอีกรอบ ก็เหมือนว่า นั่งอิเคะแล้วมันต้องกลับไปกลับมาเลยตัดสินใจว่าจะไป ฮาราจุกุกัน
พอนั่งไปฮาราจุกุเสร็จ ลงมาอย่างเงียบ ซึ่งก็รู้ว่าตอนนี้เวลา4ทุ่มแล้ว ลงมา สองข้างทางเป็นโปสเตอร์นิตยสารแฟชั่น ที่รู้ๆมีMOREที่มาริโกะเป็นนางแบบนิตยสารด้วย (อยากถ่ายแต่ไม่ไหวแล้วสังขาร)
เดินขึ้นมา กลับเจอแต่ตึกและมีแต่ความมืดและความเงียบอยู่รอบๆไปหมด ไอ้ทางออกก็เล็กนิดเดียว...
ไอ้เราก็ เนี่ยอ่ะนะฮาราจุกุ ให้ตายเถอะ...พวกเราก็เลยไม่ไปเลยฮาราจุกุ เพราะคิดว่ามันไม่มีอะไรไปหรอกที่นั่นน่ะ
(ซึ่งได้ยินจากเพื่อนที่ไปบ่อยๆว่า ฮาราน่ะต้องมาตอนเย็นๆ แล้วมันมีทางออกหลายทางนะ...ทำไมเราออกมาได้แค่ทางเดียววะ? นั่งผิดสายเรอะ? มันก็ฮาราจุกุไม่ใช่เรอะ? ช่างเถอะ)
หลังจากนั้นก็กลับจ้า~ กลับถิ่นชินจูกุ
ระหว่างทางเจอร้านขายพวกเสริมสวย+อย่างอื่น พวกของถูกๆน่ะ เข้าไปเจอไรอีกล่ะ
ยาแก้เจ็บคอ(?) LuLu EX ของอามามิ ยูกิ (สมัยไหนแล้ววะ?)
ฮาดาลาโบะของอัตสึโกะ~ (ด้านหลังเป็นฮาดาลาโบะกับยามะพี แต่ถ่ายไม่ได้เพราะโครงเสามันบัง)
หลังจากนั้นก็ไปที่LAWSON ไปซื้อของกินมากินอีก (เพราะว่าหิวไง) เลยจัดไปเยอะเลยล่ะ
เมื่อมาถึงโรงแรมที่มีร้านปาจิงโกะที่มีป้ายอัตสึยูใหญ่บักเอ้กอยู่ข้างหน้า ก็ขึ้นไปจัดการวางของพักผ่อนกันนิดนึง แล้วก็มาเริ่มกินข้าวกัน
ของพี่เป็น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของCoCo Ichibanya ล่ะ มาม่ารสแกงกะหรี่ กินไปแล้วนิดนึง อร่อยทีเดียวล่ะ
ไอ้ของเราน่ะรึ หึ!
เมล่อปังกับSTRONG ZERO!!!!
แบบว่า เห็นLAWSONมันขายก็เลยอยากลองกิน ซื้อมาสองชิ้น รสชาติก็ใช้ได้ล่ะนะ ส่วนSTRONG ZERO กินแล้วแทบพรูด!!! น้ำอัดแก๊สสสส ดีๆนี่เอง กินทีแก๊สพุ่ง! รสชาติห่วยแตก บรรยายไม่ถูกจริงๆ (ที่ซื้อมาเพราะอามามิ ยูกิเป็นพรีเซนเตอร์นะเห้ย #ดาราช่างมีอิทธิพล)
ส่วนของที่ได้มาวันนี้ล่ะ
ซีดี2แผ่น (ไม่นับของเพื่อนนะจ้ะ)
(ก็พี่ให้ซื้อได้แค่2แผ่นเองทำไงได้)
หนังสือแนะนำปาจิโกะAKB48 7เล่ม สุดยอดไปเลยล่ะ~
ข้างเล่มบางส่วน (ถ่ายเฉพาะที่มีอัตสึกับยูโกะ)
หลังจากนั้นก็ดูทีวีอีกนิดหน่อย
นั่น เจออีกแล้วAKB Konto
แล้วจากนั้นก็อาบน้ำเตรียมจะนอน แต่ว่าดันเลื่อนช่องทีวีไปเจออนิเมะ แล้วก็ดูเพลินๆ เรื่องหมาพูดได้ไรซักอย่างนี่ล่ะ (ไทยเอาไลท์โนเวลมาขายด้วยแต่ยังไม่ได้อ่านเลย น่าสนุกนะ) หลังจากจบเรื่องนี้ทีวีก็เอาเรื่อง High School DxD New แบบคือว่า ... โอ้โห นมเป็นนมจริงๆ ดูตอนตี1ล่ะ ซึ่งไอ้เราก็รู้ว่าต้องตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะไปที่อื่นต่อในวันพรุ่งนี้ (มีนัดกับคนอื่นเอาไว้) แต่ก็อยากดูนี่นา
พระเอกของเรื่องHigh School DxD ฮาเร็มที่สึดอ่ะ 55555+
แล้วจากนั้นก็นอนแล้วตื่นมาพบกับอีกวันนึงฮะ!!!
คราวนี้เราจะไปตะลุยมหาลัยกันล่ะ!!!!
ติดตามต่อวันที่4นะ!!!
(เขียนนานมากวันนี้ - -*)