Posted by : HaLauYaMa
Sunday, May 31, 2015
“ถ้าเกิดว่าตอนนั้นฉันไม่รู้จักนจจิขึ้นมานจจิจะทำยังไง?”
“พูดเรื่องอะไรเนี่ย?”
“เอาน่า ตอบหน่อยสิ”
“เอาน่า ตอบหน่อยสิ”
“ถ้าจู่ๆอาจังไม่รู้จักฉันขึ้นมางั้นเหรอ….”
….
“ไม่รู้เหมือนกันแฮะ”
ณ โรงพยาบาลที่ตอนนี้ไฟนั้นได้ปิดเกือบหมดทุกดวง ยกเว้ยเพียงแต่แสงไฟจากหน้าห้องICU ที่ตอนนี้นั้นสว่างจ้ายิ่งกว่าแสงที่ไหน คาชิยูกะที่กำลังยืนอยู่ที่หน้าห้องICUได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งเข้ามา เธอไม่ต้องสังเกตเธอก็รู้ว่าเป็นใครที่กำลังวิ่งเข้ามา
“ยูกะจัง!”
นจจิรีบวิ่งเข้าไปหาคาชิยูกะด้วยความเร็ว ยืนหายใจหอบอยู่สักพักก่อนที่จะถามคำถามกับเธอ
“อาจัง...อาจัง...เป็นยังไงบ้าง?”
คาชิยูกะไม่ได้พูดอะไรแต่ทำสีหน้าที่นจจิมองแล้วก็เดาได้ว่านั่นไม่ใช่เรื่องดีเลย
“อย่าบอกนะว่า…”
“ไม่หรอก รอดูอาการสักพักนึงน่ะ แต่เห็นหมอบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้วก็ดีขึ้น”
“อย่างนั้นเหรอ...ค่อยยังชั่ว….”
นจจิทรุดตัวลงไปทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น ถอนหายใจออกมาดังเฮ้อ คาชิยูกะมองนจจิด้วยสายตาไม่ทุกข์ร้อนอะไร
“นี่ นจจิ”
“หือ?”
“ถ้าเกิดหลังจากนี้อาจังเขาเกิดอะไรขึ้นมา เธอจะทำยังไง?” นจจิเงียบไปสักพัก
“ว่าไงล่ะ?”
“ถึงเวลานั้นแล้วก็คงคิดออกเองล่ะ”
…
“อย่างนั้นเหรอ”
ช่วยไม่ได้แฮะ
อย่างนั้นมาเล่นกันหน่อยดีกว่า อายาโนะ
วันต่อมา นจจิไปที่โรงพยาบาลเพื่อที่จะไปเยี่ยมอาจัง แต่เนื่องจากว่าเธอสายจากที่นัดไว้กับคาชิยูกะว่าจะมาเยี่ยมด้วยกันเลยรีบวิ่งไปที่นั่น แต่พอเข้ามาอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วเลยไม่สามารถวิ่งได้ เลยต้องเดินเร็วไปแทน
นจจิที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องที่มีป้ายชื่อเขียนว่า “นิชิวากิ อายากะ” เธอกำถุงของฝากที่ข้างในเป็นขนมของโปรดที่อาจังชอบไว้แน่น พยายามรวบรวมความกล้าก่อนที่จะเคาะประตูเข้าไป
ก๊อก ก๊อก…
“เชิญค่า”
เสียงคนข้างในเรียกให้เข้าไปได้ นจจิได้ยินอย่างนั้นจึงเลื่อนประตูห้องอย่างช้าๆก่อนที่จะเข้าไปข้างใน ขณะที่กำลังเดินเข้าไปก็ได้ยินเสียงคุยกันอย่างสนุกสนานระหว่างคาชิยูกะแล้วก็เจ้าของคนไข้
พอได้เห็นเจ้าของคนไข้อย่างอาจังที่ตอนนี้อยู่บนเตียงมีผ้าพันแผลพันอยู่บนหัว นจจิก็รู้สึกเจ็บปวดอยู่เล็กน้อย แต่ว่าเห็นใบหน้าแจ่มใสอย่างนั้นแล้วก็รู้สึกดีใจขึ้นมานิดหน่อย
“อ้าว นจจิมาสายนะ” คาชิยูกะทักนจจิที่พึ่งเดินเข้ามา
“โทษทีๆ พอดีตื่นสายน่ะวันนี้” นจจิพูดพลางถอดเสื้อโค้ตแล้วก็กระเป๋าวางไว้บนโซฟาข้างๆ
“แล้ว...อาจังเป็นยังไงบ้าง?”
นจจิเดินไปหาอาจังข้างเตียงแล้วถามถึงอาการ
แต่ทว่า…
“คุณคือใครงั้นเหรอคะ?”
“เอ๊ะ…”
อาจังทำหน้าตาสงสัย ทำหน้าเหมือนกับไม่เคยเจอคนคนนี้มาก่อน
“พะ...พูดอะไรน่ะอาจัง...ฉันเองนะ นจจิไง”
“นจจิ?”
“โอโมโตะ อายาโนะ น่ะ”
“โอโมโตะ?” อาจังยังทำหน้าสงสัยอยู่เหมือนเดิม
อย่าบอกนะว่าจำเราไม่ได้งั้นเหรอ?
“นจจิ วงPerfume ไง” นจจิลองย้ำอีกครั้งเผื่อเผื่อว่าอาจจังจะจำได้
“เอ๊ะ?...นี่ยูกะจัง Perfumeเรามีคนนี้อยู่ด้วยงั้นเหรอ?”
นจจิได้ยินประโยคนี้เหมือนกับถูกฟ้าผ่าทั้งเป็น ไม่ได้ล้อเล่นกันใช่มั้ยเนี่ย อาจังลืมเราไปแล้วงั้นเหรอ?
“นี่ๆยูกะจัง รู้จักคนคนนี้ด้วยเหรอ?”
อาจังหันไปถามคาชิยูกะที่ยืนอยู่ข้างๆเตียงอีกฝั่งของอาจัง นจจิที่ตอนนี้พูดอะไรไม่ออกได้แต่มองหน้าไปมาระหว่างอาจังกับคาชิยูกะ
“อื้ม”
คาชิยูกะได้แต่ อืม ให้พร้อมกับส่งยิ้มไปให้กับอาจัง
“อย่างนั้นเหรอ? เป็นเพื่อนกันงั้นเหรอ?”
“อื้ม”
คาชิยูกะก็เพียงแต่ทำแบบนั้นอย่างเดิมไปให้อาจัง นจจิที่ด้แต่ยืนอึ้งอยู่เปรียบเสมือนว่าตัวเองกลายเป็นหินแล้วนั้น กลับไม่รู้จะทำยังไง จู่ๆหนึ่งในเพื่อนรักที่สุดของเขานั้นจำเขาไม่ได้แล้วเขานั้นไม่รู้จะทำยังไงต่อไปเลย
“นจจิ!”
นจจิหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงคาชิยูกะเรียกเธอขึ้นมา เธอหันไปมองหน้าคาชิยูกะด้วยสีหน้าลนลาน แต่ก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไร เธอเห็นว่าคาชิยูกะเรียกเธอให้ออกไปคุยกันข้างนอก เธอเลยเดินออกจากห้องอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะออกจากห้องก็หันไปมองหน้าอาจังก่อนแวบหนึ่ง ซึ่งใบหน้าของอาจังที่เธอเห็นนั้น รู้เลยว่า อาจังนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเธอเลย
“อายาโนะ”
คาชิยูกะเรียกชื่อจริงของนจจิ นจจิได้อย่างเธอพูดอย่างนั้นเธอรู้เลยว่า หลังจากนี้นั้นคาชิยูกะนั้นไม่ได้พูดเล่นๆแล้ว
“อย่างที่เธอเห็นนั่นล่ะ”
“ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ…”
นจจิพูดด้วยเสียงอันเบาเหมือนกับว่ากำลังพูดอยู่กับตัวเองคนเดียว
“ฉันเองก็ตกใจเหมือนกัน ตอนฉันมาฉันได้ยินจากหมอว่า อายากะจังได้รับผมกระทบที่สมองเลยอาจจะทำให้ความทรงจำบางอย่างนั้นหายไป”
คาชิยูกะเว้นช่วงไว้ตรงนั้นก่อนที่จะสังเกตใบหน้าของนจจิก่อนที่จะพูดต่อ
“ฉันก็ไม่คิดว่าความทรงจำที่หายไปนั่นจะเป็นเธอนะอายาโนะ”
“แล้วเรื่องPerfumeล่ะ?”
เสียงที่นจจิถามไปนั้นดูเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงเหลือเกิน
“เรื่องPerfumeสำหรับอายากะจังแล้วเป็นสิ่งที่สำคัญกับเธอมาก ดีที่ความทรงจำเรื่องนั้นของเธอไม่หายไปไหน เธอรู้ว่าPerfumeมี 3 คน มีอายากะจัง มีฉัน แต่อีกคนนั้นเธอจำไม่ได้ หรือก็คืออายากะจังนึกไม่ออกเลยว่าสมาชิกPerfumeอีกคนนั้นคือเธอนะอายาโนะ”
นจจิพูดอะไรไม่ออกเลย แค่ได้ยินประโยคที่อาจังบอกว่า เธอเป็นใคร เพียงเท่านั้นเธอก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อแล้ว
“แล้วจะทำยังไง…”
“จากที่ถามหมอไป หมอบอกว่าใช้เวลาอีกสักพักความทรงจำอาจจะกลับมา”
“อาจจะงั้นเหรอ…”
“หมอเขาก็บอกว่าความเป็นไปได้ที่จะกลับมานั้นมันก็มีน้อย ถ้ากลับมาได้ถือว่าปฏิหาริย์มาก…”
คาชิยูกะเว้นช่วงอีกครั้ง ก่อนที่จะพูดต่อ
“แต่วิธีที่จะทำให้ความทรงจำนั้นกลับมาเหมือนเดิมได้นั้นก็มีวิธีอยู่นะ”
นจจิที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับตาเบิกโพลงขึ้นมาทันที
“ยังไงเหรอยูกะจัง!”
ได้ยินอย่างนั้นคาชิยูกะถึงกับยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก
“อ้าว มาแล้วเหรอยูกะจัง”
อาจังทักขึ้นเมื่อเห็นว่าคาชิยูกะและนจจิเดินกลับมาในห้องแล้ว
“เออ อายะจัง”
“เอ๊ะ อะไรเหรอ?” อาจังทำหน้าสงสัย
“คือว่าหลังจากนี้ฉันมีธุระน่ะ เดี๋ยวต้องขอตัวก่อน หลังจากนี้ก็ให้นจจิเขาดูแลอาจังไปก่อนละกันนะ”
“เอ๊ะ?!”
ทั้งอาจังทั้งนจจิต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน
“อย่างนั้นฉันไปก่อนนะ”
ไม่ทันที่จะได้เถียงอะไรกลับไป คาชิยูกะก็ออกจากห้องไปแล้ว
เอาล่ะ นจจิ
มาเล่นกันหน่อยซิ
หลังจากที่คาชิยูกะออกจากห้องไปเหลือเพียงแต่เจ้าของไข้อย่างอาจังแล้วก็แขกที่มาเยี่ยมอย่างนจจิอยู่เพียงสองคน บรรยากาศตอนนี้กลับเงียบและดูตึงเครียด
“เอ่อคือ…”
“คะ-ค่า!”
นจจิสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ดีๆอีกฝ่ายทักมา ทั้งๆที่รู้จักกันมาก็นานทำไมเราถึงเกรงไปทั้งตัวนะเรา
“ชื่ออายาโนะจังใช่มั้ย?”
อาจังถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
“อ่ะ อื้อ โอโมโตะ อายาโนะ อายุ 26 อยู่จังหวัดฮิโรชิม่า”
“เอ๋ จริงเหรอ?! เราก็อยู่ฮิโรชิม่าเหมือนกันนะ!”
อาจังพูดสำเนียงฮิโรชิม่าทันทีที่ได้ยินว่านจจิเป็นคนฮิโรชิม่าเหมือนกัน นจจิได้แต่ยิ้มหัวเราะแห้งๆไปให้ เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับสถานการณ์ตอนนี้ดี
“จริงสิ เราลืมแนะนำตัวไปเลย”
นจจิถึงกับงง แนะนำตัวอะไรหว่า?
“ยินดีที่ได้รู้จัก ชื่อนิชิวากิ อายากะ ค่ะ อายุ 26 เรียกเราว่าอาจังก็ได้นะ”
“อ่ะ อื้อ ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน”
ไม่อยากจะพูดประโยคนี้เลยแฮะ…
“อายาโนะจังเป็นเพื่อนกับยูกะสมัยมหาลัยเหรอ?”
“เอ่อ เป็นเพื่อนสมัยป.6เลยน่ะ”
“เอ๋ จริงเหรอ?! อายาโนะจังกับยูกะจังนี่เป็นเพื่อนกันยาวมากเลยนะเนี่ย”
“เรียกเราว่า นจจิ ก็ได้นะ”
“นจจิเหรอ? นจจินี่มาจากคำว่าอะไรเหรอ?”
“ก็...อายาโนะ...อายานจจิ….นจจิ ยังไงล่ะ”
“อ๋อ! อย่างนี้นี่เอง”
อาจังถึงกับทำหน้าตะลึงเมื่อรู้ถึงความหมายของชื่อนี้
“ที่จริงอาจังเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้กับเรานะ”
“เอ๊ะ? ฉันเหรอ?”
“อ่ะ อื้อ แล้วพวกเราก็เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยป.6 รู้จักพร้อมๆกับยูกะจังเลยล่ะ”
“ฉันน่ะเหรอ?”
“แล้วก็พวกเราก็ได้อยู่Perfumeด้วยกันด้วยนะ อาจังเป็นคนชวนฉันเข้าวงนี้ด้วยตัวของอาจังเองเลยนะ”
“แล้วก็พวกเราก็ได้อยู่Perfumeด้วยกันด้วยนะ อาจังเป็นคนชวนฉันเข้าวงนี้ด้วยตัวของอาจังเองเลยนะ”
“ขอโทษนะ แต่ฉันจะอะไรไม่ได้เลย...”
อาจังพูดเสียงเบาซะจนนจจิแทบจะไม่ได้ยิน
“อย่างนั้นเหรอ…”
นจจิหันไปมองที่โซฟา ก็นึกขึ้นได้ว่ามีของฝากที่เธอซื้อมาด้วย เธอจึงเดินไปหยิบขึ้นมายื่นให้กับอาจัง
“เห็นว่าเธอชอบน่ะ เลยซื้อมาเป็นของเยี่ยมไข้น่ะ ถึงมันจะไม่ใช่ของที่น่าจะเป็นของเยี่ยมก็เถอะ…”
อาจังแกะถุงออกมา พอเห็นของข้างในถึงกับตาลุกวาว เพราะว่าเป็นขนมที่อาจังชอบมากในช่วงนี้
“นี่ให้ฉันเหรอ?”
นจจิพยักหน้าแทนการบอก อาจังที่เห็ฯอย่างนั้นถึงกับไม่รู้จะพูดยังไงดี
“ขอบคุณนะ อายาโนะจัง”
อาจังกอดถุงขนมนั้นแน่นพร้อมกับส่งรอยยิ้มขอบคุณมาให้กกับนจจิ
ถึงจะเป็นรอยยิ้มของอาจัง มีความสุขมันก็มี แต่ว่าจู่ๆคนที่สำคัญนั้นลืมเราไปนั้นมันแปลกเหลือเกิน
“แค่วันเดียวก็เป็นขนาดนี้เลยแฮะ….เอาล่ะๆ ขอเล่นอีกสักพักหน่อยละกัน…”
“แต่ว่า…”
“เธอจะทำยังไงต่อหลังจากนี้ล่ะ อายาโนะ?”
นจจิที่กำลังนั่งมึนๆงงๆอยู่มุมห้อง เป็นเพราะว่าเนื่องจากว่าอาจังยังอยู่ที่โรงพยาบาล ก็เลยมาซ้อมไม่ได้ งานต่างๆที่กำลังจะมีมาก็ต้องถูกเลื่อนออกไป ตอนนี้ก็เลยค่อนข้างมีเวลาเยอะ
คาชิยูกะเห็นกำลังดื่มน้ำอยู่ก็มาเห็นเข้า เลยลองตัดสินใจเข้าไปทักหน่อย
“นจจิ เป็นอะไรไปน่ะ?”
“หือ? ไม่มีอะไร…”
ไม่มีทาง
“กังวลเรื่องอาจังอยู่สินะ?”
นจจิไม่พูดอะไร
“ว่าแล้วเชียว”
“มีใคร...มีใครรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า?”
เสียงนจจิที่พูดออกมานั้นแทบจะไม่ได้ยินเลย เหมือนกับว่ากำลังบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่
“ไม่หรอก ฉันขอให้หมอเก็บเป็นความลับเอาไว้น่ะ ตอนนี้ก็เลยมีแค่พวกเราสองคนเท่านั้น”
“...งั้นเหรอ”
คาชิยูกะเดินไปวางขวดน้ำก่อนที่จะเก็บกระเป๋าเพื่อที่จะออกไปข้างนอก
“เดี๋ยววันนี้ฉันจะไปเยี่ยมอาจังอีกรอบนึงนะ เธอจะตามมาทีหลังก็ได้นะ”
นจจิยังคงนั่งเงียบต่อไป
“ฉันขอถามคำถามเดิมนะนจจิ….” นจจิเงยหน้าขึ้นมามอง
“ตอนนี้อาจังเขามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว นั่นก็คือ เขาลืมเธอไป เธอจะทำยังไง?”
นจจิก็ได้แต่นิ่งเงียบไม่รู้จะตอบยังไง
“ที่จริง ไม่ต้องตอบฉันก็ได้นะ...ไปบอกคำตอบกับอาจังเถอะ ฉันไปนะ”
แล้วจากนั้นคาชิยูกะก็เดินออกจากห้องไป
“จะทำยังไงดีงั้นเหรอ?”
นจจิที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่หน้าประตูห้องที่เขียนว่า “นิชิวากิ อายากะ” เฉกเช่นเมื่อวาน เธอได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน เธอพยายามลบความคิดด้านลบของเธอออกไปทั้งหมดก่อนที่จะรวบรวมกำลังใจและยื่นมือเพื่อเลื่อนประตูด้านหน้าของเธอ
แต่ทว่า
“อ้าว นจจิมาพอดีเลย”
ยูกะเปิดประตูออกมาซะก่อน
“ยูกะจังจะกลับแล้วเหรอ?”
“อื้อ พอดีมีนัดกับเพื่อนต่อน่ะ”
“อย่างนั้นเหรอ…”
คาชิยูกะมองหน้านจจิสักพัก
“ถ้าอย่างนั้นหลังจากนี้ฝากด้วยนะ”
“เอ๊ะ?”
“เรื่องอาจังน่ะ ไปแล้วนะ”
จากนั้นคาชิยูกะก็เดินออกจากตรงนั้นไปโดยไม่หันกลับมา
“ใครเหรอคะ?”
เสียงจากข้างในห้องทักขึ้นมา ดูเหมือนว่าเธอจะได้ยินคาชิยูกะคุยกับนจจิ พอนจจิเข้าไปหาอาจัง อาจังก็ทำหน้าเหมือนจะตกใจเล็กน้อย
“อ้าว เธอนี่เอง สวัสดีจ้ะ”
เรียกว่า เธอ นี่รู้สึกแปลกๆแฮะ…
“พอดีมาเยี่ยม นี่ของฝาก”
นจจิวางของฝากไว้ข้างๆโต๊ะ อาจังก็พูดขอบคุณตอบแทน นจจิเดินเข้าไปนั่งข้างๆเตียงที่อาจังอยู่
“เอ่อคือ...อาการเป็นยังไงบ้างเหรอ?”
“ดีขึ้นแล้วล่ะ อีกไม่กี่วันคงออกจากโณงบาลแล้วได้ล่ะ”
“หลายคนคงเป็นห่วงมากเลยนะ”
“ไม่หรอกๆ หลายๆคนก็มีแซวกันว่า “คนอย่างอาจังเนี่ยไม่ตายง่ายๆหรอกนะ” กันเยอะเลยล่ะ ขนาดยูกะจังยังว่าอย่างนั้นเลย”
อาจังพูดพร้อมหัวเราะ นจจิก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบไป
“เธอชื่อ อายาโนะ ใช่มั้ย?”
“เอ๊ะ … อื้อ”
จำอะไรขึ้นมาได้บ้างหรือยังนะ?
“วิวคืนนี้น่าจะสวยไม่เบาเลยนะว่ามั้ย?”
“เอ๊ะ?”
อาจังหันมองไปที่หน้าต่าง พระอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ ไฟตามเมืองก็เริ่มเปิดเยอะขึ้น นจจิที่ไม่รู้จะตอบว่าอะไรก็ได้แต่ อืม ไปอย่างเดียว
“อยากไปจังเลยนะ…”
ไป...ไปไหน?
“นี่อายาโนะจัง”
จู่ๆอาจังก็หันหน้ามาหานจจิ นจจิเห็นอย่างนั้นแล้วแทบจะตั้งตัวไม่ทัน
“พาฉันขึ้นไปดาดฟ้าหน่อยสิ”
...เอ๊ะ?
“ว้าวววว อากาศดีจังเลยยยยย”
อาจังพูดทันทีเมื่อขึ้นมาอยู่บนดาดฟ้า ลมที่ตีหน้าจนผมนั้นสะบัดพริ้วไหว นจจิที่เดินตามหลังอาจังมาไม่ได้พูดอะไร สูดอากาศอันบริสุทธิ์ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองฟ้าที่ตอนนี้ได้มืดลงแล้ว
“อายาโนะจางงงงง”
เสียงอาจังที่ได้ยินไม่ใกล้ไม่ไกลแถวนี้ นจจิหันหน้าไปหาต้นเสียงก็พบว่าอาจังอยู่ตรงที่ม้านั่งใกล้ๆกับขอบรั้วของดาดฟ้า เธอก็ค่อยๆเดินไปหาอาจังที่กำลังเรียกเธออยู่
“มองดูนี่สิอายาโนะจังๆ สวยไปเลยเนอะว่ามั้ย?”
อาจังชี้ไปที่วิวข้างล่างซึ่งประดับไปด้วยแสงสีที่สวยงามของยามค่ำคืน นจจิที่ได้แต่เงียบอยู่อย่างนั้นก็เงยหน้าไปมองวิวที่อาจังชี้ด้วย
“นี่อายาโนะจัง…”
นจจิหันหน้าหาอาจัง
“คือว่า ตอนยูกะจังมาเยี่ยมน่ะ ยูกะจังเขาเล่าเรื่องเกี่ยวกับนจจิให้ฉันฟังแล้วนะ…”
นจจิไม่ได้พูดอะไร ยังคงยืนนิ่งรอฟังอาจังพูดต่อไป
“ทั้งเรื่องที่ฉันได้ไปเจอกับเธอ ทั้งเรื่องที่ยูกะจังบอกว่าฉันเป็นคนพาเธอเข้าperfume ทั้งเรื่องความพยายามของเธอที่มีต่อPerfume ทั้งนิสัยอะไรต่างๆของเธอ….ถึงแม้ว่ายูกะจังจะเล่าเรื่องต่างๆมากมายเกี่ยวกับเธอให้ฉันฟัง ฉันก็ยังกลับจำอะไรที่เกี่ยวกับเธอไม่ได้สักที...ไม่ว่าเรื่องอะไร…”
น้ำตาของอาจังเริ่มไหลออกมา
“ทั้งๆที่เป็นคนสำคัญของฉันแท้ๆ แต่ฉันกลับจำอะไรไม่ได้เลย...แม้แต่เรื่องราวต่างๆ สิ่งที่ทำมาร่วมกัน ประสบปัญหาร่วมกัน แก้ปัญหาร่วมกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน….ฉันกลับจำอะไรเกี่ยวกับเธอไม่ได้เลย….ฉันนี่มันเป็นคนที่แย่จริงๆ….”
นจจิที่ยังคงได้แต่ยินฟังสิ่งที่อาจังพูดอยู่
“ขอโทษนะ...ฉันไม่น่าเป็นอย่างนี้เลย…”
อาจัง…
“ขอโทษนะ...ขอโทษจริงๆนะ…”
อาจังที่พูดไปน้ำตาก็ไหลลงมาเรื่อยๆ
“อย่าร้องเลยนะอาจัง…”
“เอ๊ะ….”
“ไม่ต้องร้องนะ…”
นจจิค่อยเดินไปหาอาจัง ก่อนที่จะยื่นมือไปเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของอาจัง
“อืม...ไม่ต้องร้องนะอาจัง…”
“อายาโนะจังพูดอะไรกันน่ะ...ไม่ได้ร้องสักหน่อย…”
อาจังพยายามเช็ดน้ำตาที่เหลือออกให้หมด นจจิที่ตอนนี้ยืนอยู่ต่อหน้ากับอาจัง เธอไม่ได้พูดอะไรแต่ว่าได้แต่จ้องหน้าอาจัง
“ฉันขอถามคำถามเดิมนะนจจิ….ตอนนี้อาจังเขามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว นั่นก็คือ เขาลืมเธอไป เธอจะทำยังไง?...ที่จริง ไม่ต้องตอบฉันก็ได้นะ...ไปบอกคำตอบกับอาจังเถอะ”
จะทำยังไงงั้นหรอ?
“ความจริงแล้วนะอาจัง…”
นจจิเริ่มพูดขึ้นมา อาจังที่อดกลั้นกับน้ำตาเอาไว้ถึงกับเงยหน้ามองนจจิ
“มันอาจจะเป็นความผิดของฉันก็ได้นะที่ว่าทำให้อาจังลืมความทรงจำเกี่ยวกับฉันทั้งหมด...ฉันนี่มันแย่จังเลยนะ….แต่ว่านะ…”
นจจิเว้นช่วงไว้สักพักก่อนจะพูดต่อ
“แต่ว่านะ...เพราะว่านจจิน่ะชอบอาจังมาตลอด...อาจจะตั้งแต่พวกเราเจอกันแล้วด้วยซ้ำ...ชอบแล้วก็ชอบมาโดยตลอด….ตลอดเวลาที่อาจังอยู่ข้างนจจิ เรียกนจจิว่า “นจจิๆ” น่ะ นจจิมีความสุขมากเลยนะ เพราะรอยยิ้ม เพราะนิสัยของอาจัง เพราะทุกสิ่งของอาจัง ทำให้นจจิมีวันนี้ได้...ถ้านจจิไม่ได้เจออาจัง นจจิอาจจะไม่มีอะไรอย่างที่พวกเราเคยทำเกิดขึ้น…”
อยู่ดีๆน้ำตานจจิก็เริ่มไหลลงมา
“ตอนแรกที่นจจิรู้ว่าอาจังจำอะไรเกี่ยวกับนจจิไม่ได้ แม้กระทั่งตัวของนจจิเอง อาจังก็ลืม มันทำให้นจจิรู้สึกช็อคเอามากๆเลยล่ะ...แต่ว่า...ฉันก็รู้แล้วล่ะว่าถ้าเกิดอาจังเป็นอย่างนี้ขึ้นมาจะทำยังไง…”
นจจิค่อยๆกุมมืออาจังเบาๆ
“นจจิน่ะจะอยู่ข้างๆอาจังตลอดไปเลยนะ...ตลอดไปเลย...ถึงแม้ว่าอาจังจะจำอะไรเกี่ยวกับนจจิไม่ได้ นจิจก็จะอยู่ข้างๆอาจังตลอดไป...ถ้าความทรงจำแต่ก่อนของพวกเรานั้นจำไม่ได้ล่ะก็ อย่างนั้นพวกเราก็สร้างความทรงจำขึ้นใหม่ก็ได้ คราวนี้เอาให้ดีกว่าแต่ก่อนเลยล่ะ”
“อายาโนะจัง…”
น้ำตาที่เกือบจะหลุดไหลของอาจังนั้นกลับไหลลงมาอีกครั้ง
“เพราะฉะนั้นนะ...นจจิจะอยู่กับอาจังตลอดไป ไม่ว่าอาจังจะเป็นอะไรก็ตาม ไม่ว่าอาจังจะจำนจจิไม่ได้ก็ตาม นจจิก็จะอยู่กับอาจังตลอดไป แล้วก็...หลังจากนี้ก็จะทำให้อาจังจำนจจิให้ได้ด้วย”
พอสิ้นประโยคเท่านั้น อยู่ดีๆริมฝีปากของนจจิก็ถูกประกบด้วยริมฝีปากของอาจังที่พุ่งเข้ามาหา สองคนที่กำลังยืนอยู่ ท่ามกลางสายลมที่พัดพาอยู่ที่ดาดฟ้า ณแห่งนี้ มันดูเป็นช่วงเวลาที่ไปไวเหลือเกิน แต่ทว่าก็ยาวนานสำหรับนจจิ…
รู้สึกถึงความหวานแปลกๆ….
แต่ก็อบอุ่นเหลือเกิน...
พอถอดจูบออกมา อาจังได้แต่เพียงยิ้มมาให้ก่อนที่จะเบี่ยงหน้าไปทางอื่น เนื่องจากว่าตอนนี้มืดแล้วเลยมองเห็นสีหน้าตอนนี้ไม่ชัดนัก แต่ถ้าจะให้เดา เธอคงหน้าแดงเอามาก...รวมถึงตัวนจจิเองด้วย…
“กะ-กลับกันเถอะ...นะ…”
นจจิพูดทำลายบรรยากาศแปลกๆเมื่อกี้
“อ่ะอื้อ…”
นจจิเดินได้ไม่กี่ก้าวก็โดนอีกฝ่ายจับมือรั้งเอาไว้ นจจิหันไปหาอีกฝ่ายก็พบว่าอาจังบืนนิ่งอยู่
“จะอยู่ด้วยกันตลอดไปใช่มั้ย…”
เสียงอาจังนั้นเบามากจนแทบจะโดนเสียงลมพัดนั้นกลบไป
นจจิบีบมือให้แน่นขึ้นก่อนที่จะตอบอาจังไป
“แน่นอน”
ได้ยินอย่างนั้นอาจังก็ได้ส่งยิ้มไปให้ก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกจากดาดฟ้านั้นไป
ยามค่ำคืนที่ทุกคนกำลังหลับอยู่ ณ ห้องพักโรงพยาบาลที่อาจังนั้นพักอยู่ จู่ๆก็มีใครบางคนนั้นเดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ
“เอาล่ะ อาจัง...ตื่นได้แล้ว”
เพียงพูดพร้อมดีดนิ้วเท่านั้น อาจังที่หลับใหลอยู่ๆก็ตื่นขึ้นมา
“ใครปลุกเรากันนะ…” เพียงอาจังหันไปหาข้างๆเพียงเท่านั้น ถึงกับตกใจ แต่อีกฝ่ายทำท่านิ้วจรดที่ปากเป็นสัญญานว่าให้เงียบ เดี๋ยวคนอื่นจะตื่นเอา
“ยูกะจัง….”
อาจังที่พูดชื่อบุคคลที่อยู่ต่อหน้าเธอเบาๆ อีกฝ่ายส่งยิ้มใหม่ก่อนที่จะค่อยๆเข้าไปนั่งข้างๆเตียงอาจัง
“เป็นยังไงบ้าง…”
อาจังได้แต่เพียงอมยิ้มเล็กน้อย
อาจังได้แต่เพียงอมยิ้มเล็กน้อย
“ท่าทางจะเป็นไปได้สวยเลยสินะ” ดูท่าทางว่าประโยคที่คาชิยูกะว่า อีกฝ่ายจะรู้ตัวดี เลยส่งยิ้มไปให้
“ก็นะ…” อาจังเบี่ยงหน้าหนี ท่าทางลงเอยกันได้ด้วยดีล่ะมั้งเนี่ย
คาชิยูกะได้แต่เพียงส่งยิ้มให้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
คาชิยูกะได้แต่ยืนรอนจจิอยู่ที่หน้าโรงพยาบาล แต่เห็นว่าเลยเวลามานานแล้วเลยขอขึ้นไปที่ห้องของอาจังก่อน
“อ้าว ยูกะจัง!!” อาจังที่นั่งอยู่บนเตียงถึงกับตกใจเมื่อคาชิยูกะมาเยี่ยมถึงห้อง
“เป็นยังไงบ้างอาจัง หัวไม่เป็นรนะ?”
“อื้อ แค่เป็นแผลนิดหน่อยเอง แต่ก็ไม่เข้าใจนะว่าทำไม แค่ชนมอไซต์แล้วถึงกับต้องพันขนาดนี้เลยเหรอ”
อาจังลูบหัวตัวเองที่มีผ้าพันแปลพันไว้อยู่
“ก็สภาพเธอหลังโดนชนไปมันน่ากลัวนี่นา ถึงผลจะออกมาว่าแค่แผลถลอกก็เท่านั้นเองน่ะ”
“หลายคนตกใจวุ่นวายไปกันหมดเลยนะเออ”
“อย่างนั้นเหรอ หลังจากนี้คงต้องไปขอโทษกับความสะเพร่าของตัวเองซะแล้วสิ”
“รวมถึงนจจิด้วยนะ…”
“เอ๊ะ?”
ประโยคที่คาชิยูกะพูดทำเอาอาจังถึงกับงง คาชิยูกะที่ก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองก่อนที่จะพึมพำอะไรกับตัวเองเบาๆ
“เมื่อกี้ยูกะจังว่ายังไง…”
พูดยังไม่ทันจบประโยค คาชิยูกะก็กับอาจังนอนพิงกับเตียง เล่นทำอาจังตกใจมาก แต่จะขยับไปไหนก็ขยับไม่ได้ ปกติคาชิยูกะแรงไม่เยอะขนาดนี้มาก่อน ขนาดอาจังที่ออกกำลังกายทุกวันนั้นพยายามขยับก็ไม่สามารถหลุดออกจากแรงดันของคาชิยูกะไป
“อาจัง...ขอโทษนะ…”
คาชิยูกะกล่าวก่อนที่จะให้มืออีกข้างนั้นเคลื่อนไหว โดยการทำมือเป็นสองนิ้วแล้วให้อาจังเพ่งมอง สายตาของอาจังอยู่ๆก็จดจ้องอยู่ที่นิ้วของคาชิยูกะ ตาของเธอนั้นค่อยคล้อยต่ำลงพร้อมกับการเคลื่อนไหวของนิ้วมือของคาชิยูกะที่ค่อยเลื่อนลงมา พอสายตาของอาจังปิดสนิท คาชิยูกะก็ถอยกลับไปยืนเหมือนเดิม
...ใจจริงแล้วก็ไม่อยากจะสะกดจิตเธอหรอกนะอาจัง...
“ไว้หลังจากจบวันนี้แล้วฉันจะบอกให้ฟังนะอายะจัง…”
คาชิยูกะพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“หลังจากนี้ต่อไป เธอจะจำอะไรเกี่ยวกับ “โอโมโตะ อายาโนะ” ไม่ได้อีก ทั้งชื่อ ใบหน้า ความทรงจำต่อๆที่เธอเคยร่วมทำกันมา แม้กระทั่งจำไม่ได้ว่าโอโมโตะ อายาโนะนั้นเป็นส่วนของPerfume วงที่เธอนั้นรักที่สุด…”
คาชิยูกะเงียบไปสักพัก ก่อนที่จะยิ้มที่มุมปาก
“เอาล่ะ นจจิ ถ้าเกิดอาจังกลายเป็นอย่างนี้ขึ้นมาเธอจะทำยังไงกันนะ…”
ปัง!
เสียงปรบมือของคาชิยูกะทำให้อาจังนั้นตื่นขึ้นมา ทันทีที่ตื่นก็ถึงกับงงว่าเกิดอะไรขึ้น
“อ้าว อาจังตื่นแล้วเหรอ หลับยาวเลยนะเมื่อกี้น่ะ”
“เอ๊ะ...เหรอ…”
อาจังยังดูเหมือนสะลืมสะลืออยู่ คาชิยูกะก้มมองนาฬิกาอีกครั้ง...ถึงเวลาแล้วสินะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น คาชิยูกะนั้นรู้เลยว่าใครมา
“อ้าว นจจิมาแล้วเหรอ”
คาชิยูกะลองหันหน้าไปสังเกตอาจัง ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่า อาจังทำหน้าเหมือนกับไม่รู้จักนจจิ พอได้ยินอาจังพูดว่าไม่รู้จักนจจิเพียงเท่านั้น ก็ทำให้รู้เลยว่า การสะกดจิตครั้งนี้นั้นอาจังนั้นโดนเข้าไปเต็มๆ เห็นสีหน้าของนจจิที่รู้ว่าอาจังนั้นจำตัวเองไม่ได้นั้นแล้วก็รู้สึกแปลกๆ...แต่ในเมื่อเหตุการณ์มันเริ่มมาแล้วก็ต้องทำให้จบ…
“ยังไงเหรอยูกะจัง?!” นจจิที่ถามคาชิยูกะถึงวิธีที่จะทำให้ความทรงจำของเขากลับคืนมา
คาชิยูกะนิ้มที่มุมปากก่อนที่จะพูดออกไป
“วิธีที่ทำให้อีกฝ่ายรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเธอก็ได้ล่ะมั้ง?”
นจจิได้ยินอย่างนั้นถึงกับอึ้ง คาชิยูกะพยายามกลั้นยิ้มที่ในใจตอนนี้ของเธอนั้นยิ้มร่าเป็นที่เรียบร้อย
พอหลังจากคืนมืดของวันนั้น คาชิยูกะก็กลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เมื่อเข้าห้องพักโรงบาลของอาจังมาก็สังเกตเห็นถุงขนมของโปรดอาจังวางไว้อยู่ข้างๆ แต่ยังไม่มีร่องรอบการแกะ เธอเดาได้ว่านี่คงเป็นของฝากจากนจจิ… จากนั้นเธอก็หันไปมองคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียง เป็นใครไปไม่ได้นอกจากอาจัง
เอาล่ะ ปลุกเธอกันหน่อยดีกว่า
เธอกำลังจะดีดนิ้วขึ้นมาแต่ทว่า
“นจจิ…”
เอ๊ะ…
เสียงของอาจังที่ดังขึ้นมาเบาๆ
“นจจิ...อย่าทิ้งฉันไปนะ…”
ทำไมกันนะ...นิ้วมือที่กำลังจะดีดนี่มันไม่ขยับเลย….
คาชิยูกะที่ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี
“นจจิ…”
แล้วหลังจากนั้นอาจังก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไรมาอีก….เป็นการละเมอของอาจังที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
เห็นอย่างนั้นแล้วรอยยิ้มที่มุมปากของคาชิยูกะก็ปรากฎขึ้นมาอีกครั้ง
อย่างนั้น ปล่อยไว้อย่างนี้อีกสักพักหนึ่งก็แล้วกัน...
.
.
.
.
.
.
“พาฉันขึ้นดาดฟ้าหน่อยสิ”
นั่นคือประโยคที่อาจังพูดกับนจจิ แล้วนั่นคือประโยคที่คาชิยูกะที่แอบยืนอยู่หน้าห้องนั้นได้ยิน
“อายะจัง…”
…
หลังจากที่ทั้งสองนั้นได้ออกจากตรงดาดฟ้าไป คาชิญุกะที่ยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองอยู่ ณ มุมหนึ่งของดาดฟ้า โดยที่ทั้งสองนั้นไม่มีใครรู้ตัวเลย
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่า เธอจะทำอย่างนั้นนะอาจัง นจจินี่ก็อึ้งไปเลยแฮะ แม้แต่ตัวฉันเองก็ยังอึ้งไปเลย….”
คาชิยูกะมองท้องฟ้าด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“แต่ก็ไม่น่าเชื่อเลยนะอาจัง…”
“ว่าเหตุการณ์คืนนี้ทั้งหมดเธอเป็นคนตั้งใจทำเอง โดยที่การสะกดจิตนั้นไม่เป็นผลเลย...เธอคงหลุดจากการสะกดจิตที่ฉันสะกดจิตเธอไปสินะ….เธอคงรู้สินะว่าฉันทำอะไรแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้บอกฉัน แล้วก็ยังคงเล่นตามน้ำต่อไป…ว่าแล้วก็ตีบทแตกไปเลยนะทำนจจิเชื่อซะด้วย...”
คาชิยูกะเริ่มยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง
“นิชิวากิ อายากะ นี่สุดยอดอย่างที่ฉันคิดไปเลยนะ….”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ก็ไม่คิดว่านจจิมันจะเชื่อว่าแค่ชนจักรยานยนตร์แล้วเธอความจำเสื่อมได้นะเนี่ย”
คาชิยูกะหัวเราะก่อนที่จะพูดต่อ
“อายะจังนี่ก็ตีบทแตกไปเลยนะ ปกติตอนที่เรียนที่โรงเรียนการแสดงฮิโรชิม่านี่เธอมักจะไม่อินกับบทเลยไม่ใช่เหรอ?”
“มันอาจจะเป็นเพราะว่า นั่นเป็นความรู้สึกที่แท้จริงของฉันก็ได้มั้ง…”
อาจังแตะที่ริมฝีปากตัวเองเบาๆ คาชิูกะทำเป็นมองไม่เห็นก่อนที่จะลุกขึ้นมา
“อย่างนั้นพรุ่งนี้เธอก็ทำเป็นจำนจจิได้แล้วก็ละกันนะ ฉันว่าพอนจจิรู้เข้าเธอต้องดีใจแน่ๆเลย”
“นั่นสินะ”
“นี่ อายะกะจัง”
“หืม?”
คาชิยูกะที่ตอนนี้ยืนอยู่หน้าประตู หันไปหาอาจัง
“พอนจจิรู้ว่าเธอความทรงจำกลับมา นจจิก็จะเดาไปว่าความทรงจำในยามค่ำคืนระหว่างเธอทั้งสองนั้นอายากะจังนั้นจะจำไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วหลังจากนี้ อายากะต้องพยายามด้วยตัวของตัวเองแล้วพยายามทำให้นจจินั้นเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของเขาอีกครั้งหนึ่งให้ได้…ถึงตอนนี้เธอรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเขาแล้ว ถึงจะเป็นวิธีที่ไม่สมควรจะทำก็ตาม แต่ต่อไปก็ต้องเป็นเธอที่ต้องเป็นคนเปิดเผยความรู้สึกกับเขาแล้วให้เขาเปิดเผยความรู้สึกของเขาให้กับเธอด้วยตัวของเธอเองนะอายากะ”
“ยูกะจัง…”
คาชิยูกะหันไปหาอาจังอีกรอบ
“ที่เธอทำเนี่ย มันเพื่ออะไรกัน?....”
ต่างฝ่ายต่างไม่พูดกัน ได้แต่สบตามองอีกฝ่าย คาชิยูกะรู้ถึงคำถามที่อีกฝ่ายบอกมา ถึงไม่อธิบายเธอก็รู้...
“เรื่องนั้นเธอก็น่าจะรู้ดีนะ…”
จากนั้นคาชิยูกะก็โบกมือลาแล้วค่อยๆออกจากห้องไป
เช้าวันต่อมา
“อาจัง นจจิมาแล้ว”
วันนี้นจจิมาแต่เช้าตรู่เพื่อเข้าเยี่ยมอาจัง แล้วก็ไม่ลืมที่จะเอาของฝากเป็นขนมข้าวเกรียบสุดโปรดของอาจังมาด้วยเช่นกัน
“อ้าว นจจิมาแล้วเหรอ?”
อาจังที่ส่งเสียงทักด้วยเสียงอันสดใส
“เอ๊ะ?”
“มีอะไรนจจิ ยืนนิ่งทำไม?” อาจังทำหน้าสงสัย อยู่ดีๆนจจิก็ยืนนิ่งไปเลย
“เมื่อกี้อาจังเรียก นจจิ ว่า นจจิ….”
“อ่ะ อื้อ…”
“ฉันชื่ออะไรเหรออาจัง?...”
“เอ่อ โอโมโตะ อายาโนะ”
“แล้ววันเกิดฉันวันที่เท่าไหร่…”
“เดือน 9 วันที่ 20…”
“แล้ว….”
“แล้ว?”
“Perfumeมีใครบ้าง?...”
“Perfumeมีใครบ้าง?...”
“ก็มี อาจัง คาชิยูกะ…”
อาจังเว้นช่วงสักพักก่อนที่จะส่งยิ้มให้แล้วพูดต่อ
“แล้วก็เธอไงนจจิ”
ทันใดนั้นเอง นจจิก็เข้าไปกอดอาจังทันที เล่นทำเอาอาจังเกือบล้มลงเตียง
“กลับมาแล้วใช่มั้ยอาจัง อาจังจำนจจิได้แล้วใช่มั้ย?!!”
“เอ๊ะ พูดเรื่องอะไรน่ะ อาจังก็จำนจจิได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ..อึดอัดนะนจจิ”
“ฮึก...ไม่ได้ฝันไปสินะ….นจจิไม่ได้ฝันไปสินะ…”
“นจจิ...เธอร้องไห้เหรอ?....แล้วก็นี่ก็ไม่ได้ฝันนะนี่คือความจริงนะ”
“อื้อ…”
นจจิผละกอดออกจากอาจังก่อนที่จะปาดน้ำตาออกก่อนเล็กน้อย
“อาจัง เหลือถามอีกข้อ…”
อาจังถึงกับทำหน้างง ยังจะมีถามอะไรอีก?
“คนที่ฉันชอบคือใคร?”
อาจังถึงกับพูดไม่ออก บรรยากาศเริ่มมาคุอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นอาจังก็ส่งยิ้มไปให้ก่อนที่จะตอบไป
“ก็ยูกะจังไง”
“เอ๋!!!!!!”
นจจิถึงกับคอตก
“ผิดเหรอ? ก็เธอเคยบอกชอบตอนPerume LOCKS! ไม่ใช่เหรอ?”
“มัน...มันก็จริงล่ะนะ…”
“มัน...มันก็จริงล่ะนะ…”
อาจังหัวเราะก่อนที่จะส่งยิ้มไปให้
“หลังจากนี้ก็อยู่ด้วยกันตลอดไปเลยนะ”
“อาจัง…”
“ไม่ว่าจะ อายุ 30ปี 40ปี ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ พวกเราก็จะอยู่ด้วยกันตลอดไปนะ….สัญญาแล้วนี่นาใช่มั้ย?”
“อาจัง…”
“ใช่มั้ย?”
อาจังย้ำคำถามอีกรอบ
“อื้อ!!!!”
“ออกจากโรงบาลเมื่อไหร่ก็อยากจะไปข้าวร้านคามาโทระจังเลยน้าาาา”
“อีกแล้วเหรออาจังงงง”
คาชิยูกะที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องพักของอาจัง ซึ่งถึงจะไม่เข้าไปแต่เธอก็ได้ยินทุกอย่างหมด
“หลังจากนี้ก็เป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆนะ…”
เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนที่จะเข้าไปในห้องที่มีสองสาวนั้นอยู่ในห้องก่อนแล้ว
------------------------
ทำไมตัวเองชอบเขียนฟิคที่คาชิยูกะชอบอยู่เบื้องหลังด้วยนะ คราวนี้เขียนแล้วก็เขียนงงอีกแล้ว ....อย่าไปใส่ใจเลย...คนเขียนก็งงตัวเองเหมือนกัน...
เอาไว้คราวหน้าให้ควรเขียนคู่คาชิยูกะดีมั้ย ดูเหมือนเป็นตัวร้าย(?)มานาน....