Posted by : HaLauYaMa Wednesday, July 8, 2015


นานแล้วนะที่ไม่ได้มานั่งรถไฟตอนดึกๆอย่างนี้เนี่ย ไม่มีใครอยู่ข้างๆเลย  เวลาอย่างนี้คนเขากลับบ้านไปเจอกับครอบครัวพี่น้องกันหมดแล้วล่ะ….คนอย่างเราที่เป็นลูกคนเดียวพ่อแม่ก็ไม่อยู่บ้านถึงไปก็เหงาอยู่ดี … แต่ว่าพอออกมาแล้วก็รู้สึกเหงากว่าเดิมแฮะ…


แสงดวงจันทร์ที่ส่องแสงผ่านทะลุเข้ากระจกรถไฟนั้นรู้สึกถึงความเหงาเหลือเกิน


เฮ้ออออ...ว่าแล้วก็ไม่มีใครเลยสินะ….


ทันทีที่รถไฟจอดที่สถานี ประตูก็ได้เปิดขึ้น นจจิลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินออกไปจากขบวนรถไฟนี้เพื่อที่จะกลับบ้าน แต่ทว่า เธอกลับยืนหยุดนิ่ง
ผู้หญิงผมดำยาวสลวยพร้อมกับชุดสีขาวที่เมื่อโดนเข้ากับไฟของรถไฟแล้วกลับสว่างไสวเหลือเกิน รวมถึงผิวที่ขาวนวลของเธอ ใบหน้าเล็กรวมถึงสายตาที่เมื่อมองเข้าไปแล้วรู้สึกถึงความเป็นมิตรนั่น….




หยุดมองไม่ได้เลย…




“เอ่อคือว่า…”
นจจิหลุดจากภวังค์ สะดุ้งกับเสียงของสาวตรงหน้า


“ค่ะ...ค่ะ มีอะไรเหรอคะ?”
“หลบทางฉันน่ะค่ะ”
“เอ๊ะ? ขอโทษค่ะ”
จากนั้นนจจิก็หลบทางให้สาวตรงหน้า แล้วจะเดินออกจากประตูไปแต่ทว่า รถไฟนั้นดันปิดประตูไปซะก่อน


เอ๊ะ...ประตูปิดไปซะแล้ว จะทำยังไงล่ะทีนี้… กว่าจะวนมาที่เดิมก็ยาวเลย...


ในขบวนตอนนี้เหลือแค่เธอกับสาวคนนั้นที่ทำให้เธอลงจากรถไฟไม่ทัน จะเดินไปโทษเธอก็คงไม่ได้เพราะว่าตัวเองเหม่อเองที่ไม่ยอมลงเอง…


“คือว่า…”
“คะ?”
สาวคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองอย่างสงสัย
“ขอนั่งด้วยข้างๆได้มั้ยคะ?”
“เอ๊ะ?”
“เผอิญว่านั่งเลยสถานีน่ะค่ะ  กว่าจะวนกลับมาสถานีเดิมก็ใช้เวลาอีกนานเลย แถมขบวนนี้ก็แทบจะไม่มีใครเลยด้วยเพราะอย่างนั้น…”
“ได้สิ เชิญเลย”
“จะดีเหรอ…”
“อื้ม”
“อย่างนั้น ขออนุญาตนะ…”


แล้วเราจะขออนุญาตทำไมในเมื่อเราอยากจะนั่งก็นั่งได้เลยนี่นา…


บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเฉียบ มีเพียงเสียงรถไฟที่ยังคงดังขึ้นเป็นจังหวะๆ


“ชื่ออะไรเหรอ?”
“ฉันเหรอ?”
“อื้ม เธอนั่นล่ะ”
น่ะ...นั่นสินะ ในขบวนนี้มีแต่เราสองคนนี่นา….
“โอโมโตะ อายาโนะ...เรียกฉันว่านจจิก็ได้นะ”
“นจจิเหรอ? เป็นชื่อที่น่ารักดีนะ”
สาวคนนั้นส่งยิ้มให้
“เพื่อนๆชอบเรียกอย่างนี้น่ะ”
ถ้าจะให้พูดถึงเพื่อนตอนนี้ก็มีแค่คนเดียวเอง...
“แล้ว...แล้วเธอล่ะ?”
พอได้ยินคำถามนั้นเธอกลับทำสีหน้าหมองลงเล็กน้อย
“ถ้าฉันบอกไปเธอจะเชื่อฉันมั้ย?”
นจจิได้แต่ทำหน้าสงสัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“ถ้าฉันบอกว่า ฉันคือ เจ้าหญิงคางุยะ ล่ะ เธอจะเชื่อมั้ย?”


กาลเวลาค่อยๆหมุนไป ขบวนรถไฟนี้ก็ยังคงเคลื่อนที่ไปไม่สิ้นสุด มีแต่สิ่งเดียวที่หยุดเวลาทั้งหมดนั้นได้คือคำพูดของเธอคนนั้น ถ้าเป็นคนอื่นพูดล่ะก็ตัวเองคงไม่อยากจะเชื่อแน่นอน แต่ว่าเธอคนนี้ความรู้สึกที่อยากจะเชื่อนั้นมีมากกว่าอะไรอย่างอื่นเสียอีก…


หญิงสาวนั้นยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะกล่าวไปว่า
“อย่าทำหน้าเครียดอย่างนั้นสิ เรียกฉันว่า คาชิยูกะ ก็ได้นะ”
“คาชิยูกะ?”
“อื้ม ยูกะจังก็ได้นะ”
“ยูกะจัง…”
“หลังจากนี้ก็ฝากตัวด้วยนะนจจิ”
คาชิยูกะส่งยิ้มมาให้ รอยยิ้มนั้นช่างอ่อนโยนเหลือเกิน อ่อนโยนเหมือนกับแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในขบวนรถไฟนี้





“นจจิ ปกติฤดูร้อนทำอะไรบ้างเหรอ?”
“อยู่แต่บ้านน่ะ  ปกติไม่ได้ออกไปไหนหรอก”
“แล้วทำไมวันนี้ถึงออกมาล่ะ?”
“บางครั้งก็อยากเปิดหูเปิดตาบ้างน่ะนะ”
“ดึกขนาดนี้แล้วไม่กลับบ้านเหรอ เดี๋ยวพ่อแม่เขาเป็นห่วงเอานะ”

ก็เธอทำฉันนั่งเลยป้ายไปนี่นา จะกลับบ้านได้ไงล่ะ...

“พ่อแม่ตอนนี้ไม่อยู่บ้านหรอก ถึงกลับไปก็ไม่มีใครเป็นห่วงหรอกนะ…”
“อย่าคิดอย่างนั้นเลยนะนจจิ พ่อแม่น่ะใครๆก็เป็นห่วงลูกด้วยกันทั้งนั้นล่ะ”

ไม่นานเสียงระเบิดของดอกไม้ไฟก็ดังขึ้นมาพร้อมกับสีสันของดอกไม้ไฟที่ตามมา
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองทำตามคำขอของคาชิยูกะมาดูดอกไม้ไฟด้วยกันถึงโยโกยามะ…
แสงของดอกไม้ไฟที่วสาดส่องพร้อมกับแสงจันทร์ในช่วงฤดูร้อนนี้นั้นช่างสวยงามเหลือเกิน เขาว่าฤดูร้อนพระจันทร์จะใหญ่กว่าเดิมนี่จริงหรือเปล่านะ?




ฮึก...ฮึก…




เอ๊ะ...เสียงร้องไห้…




เมื่อนจจิหันไปข้างๆ ก็พบว่าคาชิยูกะกำลังกลั้นร้องไห้ไว้อยู่ โดยที่ไม่ให้นจจินั้นได้สังเกตเห็น แต่ดูเหมือนว่าจะสายไปซะแล้ว


“ยูกะจัง...ไม่เป็นไรนะ…”
“ฉัน...ฉัน….”



“ฉันน่ะไม่มีที่ให้กลับไปแล้ว…”



นจจิได้แต่เข้าไปโอบกอดคาชิยูกะเบาๆ บรรเทาความเศร้าของเธอตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่แล้วตอนนี้ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แต่ว่าก็ได้แต่ทำอย่างนี้ท่ามกลางแสงของดอกไม้ไฟที่ปรากฎขึ้นมาท่ามกลางท้องฟ้าสีมืดนี้





หลังจากนั้นก็ผ่านไปอีกหลายวัน เป็นอีกวันที่นจจิได้ออกจากบ้านมาเดินเล่น แต่น่าแปลกที่วันนี้คนนั้นเดินกันมาเต็มไปหมด ไม่เหมือนกับวันก่อน เหมือนกับว่า นัดกันมาอย่างนั้นก็ได้ แต่ก็น่าแปลกเหมือนกันที่ว่าวันนี้ตัวเองที่เป็นคนไม่ชอบบรรยากาศคนเยอะๆนั้นกลับรู้สึกเฉยๆ อาจจะเป็นเพราะว่างานที่เธอทำนั้นต้องเจอกับคนเยอะๆด้วยหรือเปล่านะ
ตอนนี้ได้แต่เพียงเดินเล่นไปเรื่อยๆ ท่ามกลางแสงจันทร์ในหน้าร้อนนี้ ที่ส่องแสงนำทางมาเรื่อยๆ




“เฮ้!”




จู่ๆก็มีใครมาสะกิดนจจิอยู่ด้านหลัง พอเธอหันหลังไปก็กลับตกใจกับสิ่งที่เธอเห็น




“...เธอ!”
สาวในขบวนรถไฟคนนั้น!
“ลืมฉันไปหรือยัง?”
คาชิยูกะถามพร้อมยิ้มไปให้
“ยะ ยังหรอก ว่าแต่บังเอิญจังเลยนะ มาเจอในที่แบบนี้เนี่ย คนเยอะขนาดนี้เธอก็ยังเจอตัวฉันได้เนี่ย”
“อืม...นั่นสินะ คงบังเอิญจริงๆล่ะนะ”
คาชิยูกะก็ยังส่งยิ้มมาให้ เวลาเธอยิ้มที่ดวงตาของเธอก็ยิ่งเล็กลง มองแล้วก็น่ารักเหลือเกิน
“แล้ววันนี้มาคนเดียวเหมือนเดิมเหรอ?”
นจจิไม่รู้จะตอบว่าอะไร ได้แต่เพียงอืมไป เพราะว่าคราวนี้เธอก็มาคนเดียวเหมือนเดิม
“ถ้าอย่างนั้น…”
คาชิยูกะคว้ามือนจจิมาจับไว้
“ไปกันเถอะ”
จากนั้นเธอก็ลากนจจิไปทันทีโดนที่นจจิยังไม่ทันตั้งตัวจะพูดอะไรเลย



พวกเราไปตั้งหลายที่ในค่ำคืนนี้ ทั้งเกมเซนเตอร์ ทั้งเดินดูของต่างๆ ทั้งเดินตามงานเทศกาลไปกินของอร่อยๆอีกด้วย ทั้งๆที่ตัวเองจะคิดว่าไปที่แบบนี้ตัวเองจะรู้สึกน่าเบื่อ แต่ทว่าพออยู่กับคาชิยูกะด้วยแล้วกลับสนุกอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากไปเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน ก็เข้าไปนั่งพักผ่อนนั่งกินเบียร์กับไก่ย่างผ่อนคลายในร้านที่อุเอโนะ

“หน้าร้อนนี่มีแต่เรื่องสนุกๆทั้งนั้นเลยนะว่ามั้ย?”
“นั่นสินะ”
นจจิได้แต่เพียงยิ้มไปให้
“อืม ว่าแล้วทั้งยากิโซบะทั้งไอศกรีมทั้งน้ำแข็งไส ไม่ว่าอะไรก็อร่อยทั้งนั้นเลยเนอะ”
คาชิยูกะทำหน้ามีความสุขเมื่อได้พูดถึงสิ่งที่ได้ทำไปทั้งหมด
“นั่นสิน้า ของอร่อยแบบนี้นี่หากินไม่ได้ง่ายๆเลยนะ”
“ไว้เราไปกินกันอีกเถอะนะ”
“อืม อย่างนั้นไปทะเลกันมั้ยล่ะ?” นจจิลองเสนอดู
“ทะเลเหรอ?”
คาชิยูกะทำหน้าสงสัย
“อื้ม โอกินาว่าคงไกลไปหน่อย ไปแถวๆชิบะก็ได้นะเอ้อ”
“เอ๋ แถวชิบะเหรอเราก็ว่าอยากจะไปเหมือนกันนะเอ้อ!”
คาชิยูกะทำหน้าสนใจมากขึ้นไปอีก
“อืม...อย่างนั้นเรานั่งรถไฟกันมั้ย? ถ้าต่อจากสถานีนี้ไปอีกก็ไม่ไกลด้วยนะเอ้อ”
“อื้ม นั่นสินะเอาอย่างนั้นละกันๆ”
ทั้งสองพูดคุยหัวเราะด้วยกันอย่างสนุกสนาน ในชานชลาแห่งนี้
“อืม...ว่าแล้ว  ไก่กับเบียร์นี่สุดยอดไปเลยน้าาาาา”
เสียงของคาชิยูกะเริ่มเปลี่ยนไป
“เอ๊ะ ยูกะจังเมาแล้วเหรอเนี่ย?”
“เปล่า...ไม่ได้เมาสักหน่อย…”
แต่เสียงของเธอมันบอกแล้วว่าเธอเมาไปแล้วนะ
“เวลาดึกขนาดนี้แล้วกลับกันเถอะนะ เดี๋ยวรถไฟขบวนสุดท้ายหมดเอานี่ลำบากเลยนะ”

“ไม่….ไม่เอา…”

“เอ๊ะ?”
เสียงสะอึกสะอื้นเหมือนกำลังงจะร้องไห้ของคาชิยูกะนั้นกลับมาอีกครั้ง

“ไม่อยากจะกลับไป...ไม่เอา….”

“ชักจะเมามากแล้วนะยูกะจัง ขึ้นรถไฟกลับกันเถอะ”

คราวนี้คาชิยูกะไม่พูด ได้แต่จับชายเสื้อของนจจิไว้แน่น พอขึ้นรถไฟมาคาชิยูกะก็ผลอยหลับไป ตัวก็ได้พิงเอนตัวนจจิเอาไว้  ตัวนจจิที่ตอนนี้ไม่รู้่าจะทำยังไงโดนอีกฝ่ายใช้เป็นที่พิงหลับ
แต่ว่าขณะที่นั่งรถไฟอยู่ ทั้งขบวนนั้นกลับมีเพียงแค่สองคน น่าแปลกที่ว่าวันนี้คนออกมากันเยอะแต่ในรถไฟกลับแทบไม่มีใครขึ้นรถไฟกันเลย ถ้าเป็นแบบน้ปกติตัวเองก็จะรู้สึกเหงาบ้างแล้ว
ทว่าตอนนี้นจจิไม่สนใจอะไรแล้ว เพียงแค่นั่งอยู่กับคาชิยูกะข้างๆ ไม่ว่ายังไงก็ไม่รู้เหงาเลยสักนิด
เพียงแค่ลมหายใจเบาๆของเธอก็ทำให้นจจิรู้สึกสั่นไหว

“นจจิ…”
คาชิยูกะเรียกนจจิเบาๆ
“ยูกะจังไม่เป็นไรนะ? ปวดหัวมั้ย?”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่เป็นไร ขอบใจมากนะ”
คาชิยูกะขยับตัว จัดท่านั่งของตัวเองใหม่ บรรยากาศตอนนี้ก็เริ่มเงียบขึ้นมาอีกครั้ง นจจิที่ไมไ่ด้หันมองคาชิยูกะ คาชิยูกะที่ได้แต่เงยมองป้ายโฆษณาที่ติดอยู่บนผนังของรถไฟ




“นี่ นจจิ”
“อะไรเหรอ?”
นจจิหันมองอีกฝ่ายทันทีที่ตัวเองถูกเรียก
“เราจะได้เจอกันอีกมั้ย?”




เป็นคำถามธรรมดาที่ไม่สามารถตอบออกมาได้ง่ายๆเลย….
นจจิไม่สามารถตอบออกมาได้ เพราะเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะได้เจอเธอคนนี้อีกตอนไหน




“สถานีต่อไปฉันก็ต้องลงแล้วล่ะ”


เอ๊ะ...สถานีต่อไปแล้วเหรอ…


“ถึงเวลาที่จะต้องจากกันแล้วนะ”


ไม่นะ...อย่าสิ…


“วันนี้สนุกมากเลยล่ะ”


อย่าพูดอย่างนี้สิ…


“ไม่อยากกลับไปเลยแฮะ…”




เวลาที่อยากให้อยู่ไว้นานๆมักจะเป็นเวลาที่ไปอย่างรวดเร็ว
รถไฟได้มาจอดถึงสถานีโตเกียว หรือเป็นสถานีที่คาชิยูกะต้องลงแล้วนั่นเอง
รถไฟเปิดประตูรอให้คนเข้าออก แต่สำหรับขบวนที่นจจิอยู่นั่นกลับมีเพียงแค่พวกเธอสองคน
คาชิยูกะลุกขึ้นแล้วเดินตรงออกจากรถไฟ นจจิที่ได้แต่เพียงนั่งอึ้งมองคาชิยูกะที่กำลังเดินจากเธอไป




“ที่ผ่านมาขอบคุณมากเลยนะ”




“หวังว่าพวกเราจะได้เจอกันอีกสักวันหนึ่งนะ”




“ลาก่อน”



นจจิที่ได้แต่นั่งมองจากภายในรถไฟ สิ่งที่นจจิเห็นคาชิยูกะตอนนี้นั้นเหมือนกับ เจ้าหญิงคางุยะ ไม่มีผิด แสงที่สาดส่องกระทบผิวขาวของคาชิยูกะรวมถึงชุดวันพีซสีขาวที่เมื่อโดนแสงแล้วทำให้เจิดจ้า ผมสีดำยาวสลวยที่ต้องแสง พร้อมกับแสงไฟของชานชลาที่ส่ดส่องเหมือนกับแสงจันทร์ที่กำลังรอคอยการกลับมาของเจ้าหญิง….นี่น่ะเหรอเจ้าหญิงคางุยะ


ทันใดนั้น ประตูของขบวนรถไฟก็ได้ปิดลง พร้อมกับการจากลาของเจ้าหญิงคางุยะที่ได้แต่เพียงส่งยิ้มมาให้




ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ




ทันทีที่ประโยคนี้โผล่ขึ้นมาในหัวของนจจิ น้ำตาของเธอก็ไหลรินลงมา เธอก็ไม่รู้ว่าทำไม จะหยุดก็หยุดไม่ได้เลย


“นี่เรา ลืมขอบคุณก่อนที่เธอจะจากลาไปกันเหรอเนี่ย…แย่ชะมัดเลยนจจิ…แย่ชะมัด”



ลืมแม้กระทั่งคำขอบคุณกับเจ้าหญิงผู้ที่จะกลับดวงจันทร์ โอกาสสุดท้ายที่จะได้พูดอะไรกับเธอผู้ซึ่งไม่สามารถที่จะกลับมายังดาวดวงนี้ ไม่สามารถที่จะพูดกับเธอ ณ สถานีแห่งแสงจันทร์ตรงนั้นได้เลย...
ได้แต่เพียงโทษตัวเองที่ไม่สามารถพูดประโยคนั้นออกมาได้อยู่คนเดียวในขบวนรถไฟ...





“นี่ นจจิ การบ้านมหาลัยเสร็จยัง?”
อาจังเพื่อนสนิทคนเดียวของนจจิส่งข้อความไลน์มาหานจจิ ที่ตอนนี้กำลังนั่งซมอยู่หลังห้องเรียนที่มหาลัย
“เสร็จแล้วล่ะ ทันเวลาพอดีเลย”
แล้วเธอก็กดสติ๊กเกอร์”ขอบคุณ” ไปให้อาจัง
“ให้ตายสิ ฉันอยู่คนล่ะมหาลัยกับเธอนะ ทำไมต้องให้ฉันมาคอยเตือนการบ้านของเธอด้วยเนี่ย”
แล้วก็ส่งสติ๊กเกอร์กระต่ายทำท่าโกรธที่มีคำสำเนียงฮิโรชิม่าเขียนว่า “โกรธ” อยู่ข้างๆ
ยังคงเป็นฮิโรชิมะเลิฟเวอร์เหมือนเดิมเลยนะอาจัง นจจิคิดก่อนที่จะพิมพ์ข้อความส่งตอบ
“ช่วยไมไ่ด้ ก็เธออยากไปเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ที่นั่นทำไมล่ะ”
“ก็ไม่ชอบอาจารย์ ที่มันไกลอีกด้วยนี่นา =3= แล้วก็อยากเรียนเรื่องการจัดการด้วยน่ะเลยมาเรียนที่นี่”
อาจังนี่ก็ยังคงซื่อๆเหมือนเคยน้า นจจิได้แต่เพียงยิ้ม

ไม่กี่นาทีอาจารย์ก็เข้าห้องเรียนมาพอดี ด้านหลังอาจารย์ก็ได้มีนักศึกษาคนหนึ่งเดินตามมตามหลังมา แล้วหยุดยืนอยู่หน้าห้องเรียน เสียงเซ็งแซ่ของนักศึกษาในห้องนั้นดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นนักศึกษาใหม่ยืนอยู่หน้าห้อง
นจจิที่นั่งอยู่หลังห้องไม่ได้สนใจอะไร เพราะปกติเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้วด้วย
จะเอาอะไรมากกับนักศึกษาใหม่ มหาลัยน่ะมีแต่คนเข้าๆออกๆตลอดเวลาทั้งนน่ะล่ะ นจจิคิดไปพลางมองวิวนอกหน้าต่างที่ตอนนี้ต้นไม้ข้างนอกนั้นใบไม้เริ่มร่วงลงมาหมดแล้ว ซึ่งกำลังส่งสัญญาณว่าใกล้จะถึงฤดูใบไม้ร่วงแล้ว


“คาชิโนะ ยูกะค่ะ หลังจากนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”


เอ๊ะ...เสียงนี้นี่มัน….


นจจิหันไปหาต้นเสียงทันทีที่ได้ยินเสียงที่เธอคุ้นหู
เสียงเดียวที่เธอจำได้ไม่เคยลืม เสียงที่ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้าเธอก็สัมผัสได้ว่าใคร



“คาชิยูกะ….”


นจจิพูดออกมาเบาๆเมื่อเห็นนักศึกษาคนนั้น
ดูเหมือนว่าคาชิยูกะจะได้ยินเสียงของนจจิ ก็ได้หันหน้าไปมองพร้อมส่งยิ้มไปให้
ดูเหมือนว่าชีวิตหลังจากนี้คงจะมีสีสันขึ้นแล้วสินะ …


สถานีแห่งแสงจันทร์ได้พาตัวเธอกลับมาอีกครั้งหนึ่งแล้วสินะ...



ได้เจอกันอีกแล้วสินะ...


...

ยินดีต้อนรับกลับมานะเจ้าหญิงคางุยะ



---------------------


เป็นฟิคที่แต่งได้มั่วซั่วอีกแล้ว....คราวนี้เป็นนจจิยูกะล่ะนะ ที่แต่งได้มั่วๆซั่วๆอย่างนี้นี่ได้รับแรงบันดาลใจจากเพลง Moonlight Station ของ SEKAI NO OWARI ล่ะนะ แนวเรื่องก็มาจากเนื้อเพลงนี้นี่ล่ะ เพลงเขาทำออกมาดีแต่ไอ้เราเอาเนื้อเพลงไปแต่งซะมั่วซั่วเลยแฮะ orz




นจจิอา~ มาเยอะแล้วเลยขอนจจิยูกะบ้างล่ะนะ ... ไว้คราวหน้าลอง อา~ยูกะ ดีมั้ยนะ? ฮ่าๆๆ...
ในเครื่องนี่มีภาพนจจิยูกะน๊อยน้อย แต่มีนจจิอาเยอะเหลือเกิน . ___ .






- Copyright © 2013 HaLauYaMa - Shiroi - Powered by Blogger - Designed by Johanes Djogan -