Posted by : HaLauYaMa
Thursday, April 16, 2015
วันนี้เป็นอีกวันที่ต้องมาอัดรายการPerfume LOCKS! ตามปกติ ต่างคนก็ต่างมายังสถานีเพื่อมาอัดรายการ
ก่อนที่จะเริ่มอัดรายการกันจริงๆ ก็ต้องมีการคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่จะคุยกันในวันนี้
คาชิยูกะที่มักจะมาก่อนเวลาเสมอ ก็ได้ทักทายกับเหล่าสต๊าฟทั้งหลายเฉกเช่นทุกครั้ง
“เออ ยูกะจัง พอดีเมื่อกี้อาจังโทรมาน่ะ”
คาชิยูกะสงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆอาจังถึงไปโทรหาเหล่าสต๊าฟแทนที่จะมาแจ้งพวกเขาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและสมาชิกในวง
“อาจังเหรอคะ? โทรมาเรื่องอะไรเหรอคะ?”
“อ้าว อาจังไม่ได้แจ้งไว้หรอกเหรอ?”
แจ้ง? แจ้งเรื่องอะไรน่ะ?
“อาจังบอกว่าวันนี้จะไม่มาอัดรายการน่ะ”
“เอ๊ะ?!”
“เห็นว่าร่างกายเขาไม่ไหวน่ะเลยมาไม่ได้”
“อย่างนั้นเหรอคะ?”
แปลก...แปลกมาก ทำไมอาจังถึงไม่มา ตอนที่เจอกันล่าสุดยังคุยกันตามปกติแท้ๆ ในไลน์เมื่อวานก็คุยได้ตามปกติแท้ๆ
หลังจากนั้นคาชิยูกะก็หยิบมือถือขึ้นมาดูไลน์ ก็ปรากฎว่าไม่พบว่าอาจังทักไลน์ในกลุ่มPerfumeหรือว่าไลน์ระหว่างอาจังกับคาชิยูกะเลย เห็นอย่างนั้นคาชิยูกะก็ลองส่งสติ๊กเกอร์แมวทำหน้าเป็นห่วงไปให้ เหลือเพียงแค่ให้อาจังตอบกลับมาเท่านั้น
คาชิยูกะได้แต่เป็นห่วงเพื่อนสนิทของเธอตั้งแต่สมัยประถมและยังเป็นเพื่อนร่วมวงที่สำคัญของเธอด้วย
แข็งแรงขนาดนี้ทำยังไงให้ร่างกายไม่ไหวกันนะ
ดูไลน์อีกครั้งก็เห็นว่าอาจังอ่านข้อความของเธอแล้ว แต่ว่ายังไม่ตอบกลับมา คราวนี้เธอจึงเขียนข้อความกลับไปหาอาจัง
“อายะจัง ไม่เป็นไรนะ?”
คราวนี้อาจังตอบกลับมาแล้ว
“ไม่ค่อยไหว แต่ว่าดีขึ้นกว่าก่อนแล้ว ขอโทษด้วยนะยูกะจังที่ไปอัดรายการด้วยไม่ได้”
“อื้อ ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวทางนี้พวกเราจัดการเอง อาจังน่ะพักผ่อนให้มากๆเถอะ”
“ขอโทษด้วยจริงๆยูกะจัง”
แล้วจากนั้นอาจังก็ส่งสติ๊กเกอร์กระต่ายพร้อมข้อความสำเนียงฮิโรชิม่าที่เขียนว่า “ขอโทษ” ไปให้
อายะจังอย่าขอโทษบ่อยเลยนะ...ถ้าเจอตัวเธอตอนนี้เธอจะร้องไห้เพราะว่าม่สามารถมาร่วมอัดรายการร่วมกับพวกเราหรือเปล่านะ...ยิ่งเป็นคนขี้แยด้วยสิอายะจังน่ะ…
จะว่าไป...ลืมถามสาเหตุอาการไม่สบายของอาจังเลยแฮะ
“ขอโทษที่มาช้าค่า”
นจจิที่เข้าห้องมาอย่างหน้าตาตื่นผมแอบยุ่งเล็กน้อย เสื้อผ้าก็ดูเหมือนจะแต่งไม่ค่อยเรียบร้อยดี
“มาช้านะอายาโนะ”
คาชิยูกะว่านจจิที่พึ่งมาสถานีเมื่อกี้นี่เอง
“เอาน่าๆ อย่างน้อยก็ถือว่ามาทันนะ”
จากนั้นนจจิก็วางข้าวของก่อนที่จะไปนั่งที่นั่งประจำของเธอซึ่งจะอยู่ฝั่งซ้าย แต่เธอก็กลับสังเกตอีกว่า คาชิยูกะที่ปกติจะนั่งอยู่ฝั่งขวาด้านเดียวกับเธอ กลับไปนั่งตรงอีกฝั่งซึ่งเป็นที่นั่งประจำของอาจัง
“ยูกะจัง ทำไมเธอถึงไปนั่งตรงนั้นได้ล่ะ?”
“อ้าว เข้ามาสต๊าฟเขาไม่ได้บอกหรอกเหรอ?”
“เอ๊ะ เรื่องอะไรเหรอ?”
นจจิทำหน้าสงสัยอย่างที่สุด จนยูกะเห็นแล้วแอบขำอยู่เล็กน้อย
“วันนี้อาจังเขาไม่มานะ”
“เอ๊ะ?!”
โว้ว! อย่าทำหน้าอย่างนั้นสินจจิ จะตกใจเกินไปแล้ว
“เอ๊ะ ทำไมไม่มา ทำไมไม่เห็นไลน์มาบอกเลย ทำไมล่ะ”
นจจิรัวคำถามใส่ยูกะไม่หยุด จนยูกะต้องรีบให้นจจิหยุดพูดทันที
“อาจังร่ายกายเขาไม่ไหวน่ะ”
“เอ๊ะ?! หมายความว่าไงน่ะ”
“ดูเหมือนว่าจะอาการหนักมากเลยล่ะ เลยมาไม่ได้”
นจจิถึงกับเงียบพอได้ยินประโยคที่ยูกะพูดขึ้นมา
“อาจังไม่เคยจะป่วยอาการหนักขนาดนั้นมาก่อนเลยนี่นา”
นจจิเริ่มพูดเสียงเบาลง
“นั่นสินะ ฉันได้ยินยังตกใจเลย แต่ก็เอาเถอะ วันนี้ก็มาอัดรายการกันแค่สองคนละกันนะ”
“อ่ะ อื้อ…”
สังเกตได้ชัดเลยว่านจจิร่าเริงน้อยกว่าตอนที่มาตอนแรกเยอะมาก พอคุยเรื่องอาจังแล้วถึงกับเงียบไปเลย
ถึงแม้ว่าอาจังจะไม่มีอัดรายการแต่ว่าการอัดรายการก็ต้องดำเนินต่อไป ปกติรายการจะดูคึกคักและไปได้ด้วยดีเวลามีอาจังอยู่ เพราะว่าอาจังเป็นคนคุยเยอะคุยเก่งพูดเก่ง เลยทำให้รายการนั้นได้ไปเรื่อยๆ แต่ว่าพอมาอยู่กันแค่สองคนดันรู้สึกมาติดๆขัดๆ
แต่ว่าแฟนคลับน่าจะชอบกันหรือเปล่านะ
ขณะที่อัดรายการวิทยุ นจจิก็มักจะพูดถึงเกี่ยวกับอาจังตลอดไม่ว่าจะเป็น
“อาจัง ฟังอยู่หรือเปล่า~”
“อาจัง เราพูดได้แล้วนะ~”
“อาจัง ในที่สุดก็ทำได้แล้วนะ ฟังอยู่หรือเปล่า”
ฟังแล้วก็ทำให้นึกถึงเด็กที่อวดของเล่นใหม่กับพ่อแม่ประมาณนั้นเลย
ยูกะที่มักจะวางมือถือไว้ข้างตัวตลอด แม้กระทั่งตอนอัดรายการก็เอาไว้ข้างโต๊ะ แต่ว่าก็ไม่ได้หยิบขึ้นมาดูเพราะว่าอยู่ในช่วงเวลาทำงาน แต่พอทำงานเสร็จก็หยิบขึ้นมาดูว่ามีข้อความหรือว่าไลน์อะไรส่งมาหรือเปล่า
“คุณมี 1 ข้อความ จากอายะจัง”
ข้อความจากอาจัง
คาชิยูกะเลื่อนมือถือเพื่อเปิดดูข้อความ พอเธอเห็นอย่างนั้นถึงกับยิ้มขึ้นมาทันที
“อายาโนะๆ แย่แล้วล่ะ!”
“อะไรเหรอยูกะจัง พูดเหมือนเจอเรื่องอะไรน่าตกใจอย่างนั้นล่ะ”
“ก็ใช่น่ะสิ อายะจังน่ะ…”
“เอ๊ะ อาจัง?...ทำไมเหรอ?”
“อายะจังเขาล้มแล้วเข้าโรงบาลไปแล้วน่ะ!”
“หา?!”
นจจิถึงกับทำหน้าตกใจยิ่งกว่าตอนที่ได้ยินว่าอาจังไม่สบายในคราวแรก
“หมายความว่ายังไงยูกะจัง”
นจจิรีบเข้าไปจับไหล่คาชิยูกะเพื่อถามเรื่องทันที
“เมื่อกี้ได้ข้อความจากซายะจังมาว่าอายะจังล้มอาการไม่ไหวก็เลยเอาเข้าส่งโรงบาลน่ะ”
“ล่ะ แล้วตอนนี้อาการดีขึ้นหรือยัง?”
“ยะ-ยังไม่รู้เลย ซายะจังยังไม่บอกอะไรเลยมาเลย แต่เห็นว่าเดี๋ยวอีกสักพักก็กลับบ้านได้แล้วล่ะมั้ง”
“ยะอย่างงั้นเหรอ...อาจังล้มป่วยอย่างนั้นน่ะ….ไม่เอาแล้ว….”
นจจิเสียงเริ่มสั่น
“อายาโนะ…”
“ไม่เอาแล้ว…”
นจจิกำมือแน่น เริ่มสั่นไปทั้งตัว น้ำตาเริ่มไหลออกมา ยูกะที่เห็นอย่างนั้นก็เข้าไปกอดนจจิเผื่อว่านจจิจะผ่อนคลายมากขึ้น
นจจิที่เคยเห็นอาจังล้มลงไปต่อหน้าคงจะกลัวมากเลยสินะ กลัวจะเสียเพื่อนไปสินะ...
“ยูกะว่าอายาโนะไปรออายะจังที่บ้านเถอะนะ”
“...”
“พอดีว่าฉันก็อยากจะไปหาอายะจังด้วยเหมือนกันแต่ว่าฉันนัดกับเพื่อนเอาไว้หลังจากนี้น่ะ ก็เลยไปหาไม่ได้ ”
“...”
“เพราะอย่างนั้น อายาโนะช่วยไปหาอายะจังแทนฉันด้วยนะ”
“...”
“แล้วก็อายาโนะจังน่ะเลิกร้องไห้เถอะนะ ถ้าอายะจังเห็นว่าเธอน่ะร้องไห้เพราะว่าต้นเหตุเป็นเพราะอายะจัง อายะจังเขาจะเสียใจยิ่งกว่าเดิมนะ”
“...”
“หลังจากนี้พวกเราก็ไม่มีงานต่อแล้ว เพราะอย่างนั้น ไปหาอายะจังซะนะ”
“ยูกะจัง…”
คาชิยูกะคลายกอดออกจากนจจิ ก่อนที่จะมองหน้านจจิสักพักก่อนที่จะไล่เธอออกจากตรงนั้นไป
นจจิที่ตอนนี้ได้ยืนอยู่ที่หน้าบ้านนิชิวากิ หรือก็คือบ้านที่ครอบครัวของอาจังอาศัยอยู่ เธอไม่กล้าที่จะเข้าไป ได้แต่ยืนอยู่ที่หน้าบ้านอยู่อย่างนั้น ถึงจะอากาศหนาวขนาดไหนเธอก็รอ พร้อมกับในมือของเธอตอนนี้ก็มีขนมข้าวเกรียบIbushiginที่อาจังชอบถือว่าด้วย
“นจจิ?”
นจจิที่ยืนอย่างหนาวเหน็บอยู่หน้าบ้านนิชิวากิ พอได้ยินเสียงใครบางคน ซึ่งเสียงนั้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดีของเธอ เธอก็รีบหันไปทันที
“อาจัง”
อาจังที่ดูเหมือนว่าพึ่งจะเดินกลับถึงบ้านเมื่อกี้ทำหน้าตกใจที่จู่ๆนจจิก็มายืนอยู่ตรงนี้
“นจจิทำไมอยู่ๆถึงมา…”
อาจังยังพูดไม่จบประโยคนจจิก็เข้ามากอดอาจังทันที
“อาจัง อย่าไปเลยนะ!!!”
“เอ๊ะ?”
“ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้วนะอายากะจัง!!!”
“ระ-เรื่องอะไร?”
นจจิกอดอาจังแน่นขึ้น
“อายากะจังอย่าฝืนอีกเลยนะ ฉันน่ะ…”
“...”
“ฉันน่ะไม่อยากเสียคนที่ฉันรักที่สุดไป...เพราะอย่างนั้น...อายากะจังอย่าไปเลยนะ!!”
นจจิตะโกนสุดเสียงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
“นจจิ…”
“อ้าว พี่กลับมาแล้วเหรอ?”
ซายากะน้องสาวของอาจังเปิดประตูหน้าบ้านมาเห็นนจจิกำลังกอดอาจังแล้วถึงกับอึ้งพูดไม่ออก
“น่ะ หนูมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่านะ...อย่างนั้นหนูขอตัว….”
“อ่ะ เดี๋ยวสิซายะจัง!”
อาจังรีบตะโกนห้าม แต่ดูเหืมอนว่าซายากะจะไม่ฟังรีบปิดประตูไปทันที แต่ก่อนจะปิดเธอก็บอกพี่สาวของเธอไว้ก่อน
“อ้อ หลังจากที่อะไรเสร็จแล้วพี่ก็อย่าลืมกินยาด้วยนะ ไม่งั้นเดี๋ยวท้องเสียอีกนะ”
แล้วจากนั้นเธอก็ปิดประตูไป เหลือทิ้งไว้เพียงอาจังและนจจิที่ยังกอดอาจังไว้อยู่
“อะไรของซายากะกันนะ”
อาจังบ่นถึงน้องสาวตัวเองเล็กน้อย
“เอ่อ … อาจัง เมื่อกี้ซายะจังเขาว่าท้องเสียนี่คือ?”
“อ้าว? ยูกะจังไม่ได้บอกเหรอว่า ที่ฉันไปอัดรายการไม่ได้เพราะว่าฉันท้องเสียน่ะ”
เงิบแดก
“อ่ะเอ๋?! แล้วที่ยูกะจังบอกว่าล้มป่วยไปโรงบาล…..”
“เอ๊ะ? ยูกะจังทำไมเหรอ? โรงบาลอะไรเหรอ? นี่ฉันออกไปซื้อยามากินน่ะ ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วด้วย”
“เอ๊ะ...ถ้าอย่างนั้น ยูกะจังก็….”
นจจิพึ่งจะมารู้เดี๋ยวนั้นเองว่า...
กูโดนต้มเต็มๆ
“จู่ๆนจจิเข้ามากอดเลยเนี่ยตกใจมากเลยนะ”
พอนจจิได้ยินอย่างนั้นแล้วรีบออกห่างจากอาจังทันที ตอนนี้หน้าของนจจิแดงไปหมด แต่โชคดีที่ว่าตอนนี้ก็มืดแล้วเลยไม่ค่อยจะเห็นสีหน้าของนจจิตอนนี้นักนะ อาจังเห็นอาการเขินอายของนจจิตอนนี้แล้วถึงกับหัวเราะทันที
“ไม่น่าเชื่อเลยว่านจจิจะเป็นห่วงฉันได้ถึงขนาดนี้น่ะ”
“มันแบบว่า...แบบว่า…”
นจจิพูดตะกุกตะกักจนไม่เป็นภาษาคนอยู่แล้ว
“แต่ก็นะ ฉันดีใจนะที่นจจิเป็นห่วงนะ ไม่รู้หรอกนะว่ายูกะจังเขาพูดว่าอะไรแต่ก็ขอบใจมากเลยนะ”
อาจังพูดทั้งรอยยิ้ม รอยยิ้มที่เปล่งประกายอยู่ตลอด รอยยิ้มที่นจจินั้นชอบที่สุด
นจจิที่พอได้สติกลับมาก็ทำท่าลุกลี้ลุกลนพยายามเบี่ยงหน้าไปทางอื่นพร้อมกับยื่นขนมข้าวเกรียบIbushiginที่อาจังชอบไปให้
“นะนี่ ของฝากพอดีว่าเจอระหว่างทางน่ะ แล้วก็หวังว่าอาจังจะหายเร็วๆนะ”
อาจังรับมาแ้วเปิดดูก็ถึงกับตกใจและหัวเราะออกมา
“Ibushiginเลยเหรอ ที่จริงแล้วมันหายากมาเลยนะเนี่ย แต่ก็ขอบใจมากเลยนะ”
เป็นข้าวเกรียบที่หายากจริงอย่างที่อาจังว่า เพราะว่าไปไหนก็หมดเกลี้ยง แรร์มากที่จะเจอมันวางขายอยู่สักที่ กว่านจจิจะหามันมาได้ก็แทบแย่
“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอตัวก่อนนะ…”
“นจจิไม่มาทางข้าวด้วยกันเหรอ?”
“มะไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปกินที่บ้านก็ได้”
“ไม่เอาน่ามากินข้าวที่บ้านฉันก็ได้”
อาจังเข้าไปคว้าแขนนจจิที่ทำท่าว่ากำลังจะไป
“วันนี้เป็นหม้อไฟกิมจิเลยนะ มากินด้วยกันนะ”
นจจิที่กำลังโดนอาจังคว้าแขนเอาไว้ พร้อมกับได้ยินขอร้องของอาจังแล้วถึงกับหน้าแดงอีกครั้ง
“อย่างนั้นขอความกรุณาด้วยนะ”
“อื้อ”
อาจังส่งยิ้มให้ก่อนที่จะพานจจิเข้าบ้านครอบครัวนิชิวากิ
“ยูกะจังไปบอกอะไรกับนจจิเขาน่ะ?”
เป็นประโยคแรกหลังจากที่คาชิยูกะรับสายจากอาจัง
“หืม? ตกใจงั้นเหรอ?”
“ตกใจมากเลยล่ะ พอเจอตัวนจจิก็เข้ามากอดเลย”
โห หล่อไปเลยนะนายนจจิ คาชิยูกะคิดในใจ
“แค่บอกว่าเธอล้มป่วยจนต้องเข้าโรงบาลน่ะ”
“นี่เหมือนเธอจะแช่งฉันเลยนะยูกะจัง โหดร้ายเกินไปแล้ว”
“แหม ก็อยากแกล้งนจจินิดหน่อยน่ะ”
“แกล้งมากระวังนจจิไม่เล่นด้วยแล้วนะ”
“นั่นสินะ เดี๋ยวเจอกันคราวหน้าเดี๋ยวต้องไปขอโทษแล้วล่ะ”
คาชิยูกะว่าอย่างนั้นขณะที่กำลังหยิบรูปหมู่ที่มีสามสาวถ่ายรูปกันอยู่ โดยในภาพนจจิได้แต่มองอาจังอยู่ฝ่ายเดียว
“แต่ก็นะ ยังไงก็ขอบใจนะยูกะจัง”
“หืม เรื่องอะไรเหรอ?”
“ว่าความคิดของฉันนั้นมันคงเป็นเรื่องคิดไปเองล่ะนะ”
“เอ๊ะ เมื่อกี้ว่าไงนะ?”
คาชิยูกะที่มัวแต่เล่นกับแมวจนลืมฟังสิ่งที่อาจังพูดเมื่อกี้
“เปล่า ไม่มีอะไร อย่างนั้นแค่นี้นะยูกะจัง”
“อื้อ รักษาตัวด้วยนะ”
“ขอบใจมากนะ ราตรีสวัสดิ์”
“ราตรีสวัสดิ์”
หลังจากที่ตัดสายโทรศัพท์จากอาจังไป คาชิยูกะก็ได้เปิดรูปขึ้นมาอีกรูปหนึ่งในโทรศัพท์ เป็รูปถ่ายหมู่สามคนเหมือนกันแต่คราวนี้มีแต่อาจังคนเดียวที่จ้องมองนจจิ
“ความคิดของเธอน่าจะเป็นที่ว่า โอโมโตะ อายาโนะไม่ได้รักนิชิวากกิ อายากะ อย่างนั้นสินะ? คิดไปเองอย่างที่เธอว่านั่นล่ะ เพราะว่านิชิวากิ อายากะรักโอโมโตะ อายาโนะมากจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดได้กับเธอแค่เพื่อนเลยเว้นความสัมพันธ์ได้แค่นั้น แต่จริงๆแล้วอีกฝ่ายนั้นก็มีความรู้สึกที่ดีต่อเธอ….”
จากนั้นเธอก็เลื่อนไปดูอีกภาพ เป็นภาพที่ถ่ายนจจิและอาจังที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่สองคน
“ไม่ว่าอะไรก็ตาม สิ่งไหนที่ทำให้เธอมีความสุขได้ฉันก็จะทำ...ถึงแม้ว่ามันจะต้องทำให้ตัวเองเจ็บปวดอยู่เพียงคนเดียวก็ตาม”
--------------
จู่ๆก็นึกออกก็เลยเขียน เนื้อเรื่องก็มั่วๆซั่วๆ พอดีมานึกตอนช่วงที่ว่าอาจังไม่ได้ไปอัดรายการPerfume LOCKS! เพราะว่าอาจังท้องเสีย(น่าจะนะ เห็นเขียนบ่นไว้ตอนกลับมาว่า ผ่านไปเรื่องๆระวังเรื่องข้าวกล่องด้วยนะ อาจจะเป็นเพราะกินข้าวกล่องหมดอายุแล้วก็เป็นได้นะอาจังนะ)
แล้วจู่ๆก็อยากเขียนฟิคอีก
ทั้งๆที่เขียนไม่ได้เรื่อง แต่ว่าก็อยากเขียนเหลือเกิน ...นี่ผลที่เกิดขึ้น
แล้วก็ไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อว่าอะไรดี เอาชื่อนั้นไปก็แล้วกันนะ
เนื้อเรื่องห่วยแตก บรรยายไม่ได้ต้องขอภัยด้วย