Posted by : HaLauYaMa Sunday, August 4, 2013


คำเตือนก่อนอ่าน บันทึกคราวนี้เป็นบันทึกที่ไปสถานที่ของญี่ปุ่นที่ใครๆส่วนใหญ่เขาไม่เคยไปกัน และอาจจะไม่รู้จักกัน ถึงจะไปส่วนที่คนเขาไปๆกันแต่็เดินไม่ทั่วถึง เปิดดูรูปผ่านๆไปเลยก็ได้ถ้าไม่อยากอ่านบันทึกการเดินทางครั้งนี้นะ เพราะมันก็ไม่ได้มีอะไรอยู่แล้ว

เอาล่ะ ก่อนที่จะเริ่มเรื่อง ก็จะต้องเริ่มเรื่องของเรื่องก่อน
สาเหตุที่ไปญี่ปุ่นครั้งนี้ก็คือ "พี่เจอโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินโคตรถูกโคตรพ่อโคตรแม่ 5พัน฿" 
ตอนแรกก็ไม่อยากจะไปหรอกเพราะว่าถ้าไปแล้วต้องไปตั้ง1อาทิตย์แล้วต้องขาดเรียนทั้งอาทิตย์ แต่ว่าพออีกซักพักก็เอ้อ! ไปก็ดีนะ โอกาสนี้พลาดไปไม่ได้เด็ดขาด ขาดเรียนแค่อาทิตย์เดียวเดี๋ยวตอนกลับมาก็มารีบปั่นงานก็ได้
บวกกับอีกสาเหตุนึงคือก่อนที่จะไปอีก4-5วันคือ ไม่อยากเจออาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษอ่านเขียน!!! #แม่ง!!!!!!

ก่อนเข้าเรื่องอีกอย่าง

ภาพที่ถ่ายทั้งหมด ไม่ได้ถ่ายเอาสวย แต่ถ่ายเฉพาะว่าชอบน่ะนะ ภาพบางภาพเอามาจากพี่และภาพเกือบทั้งหมดภาพถ่ายโดยกล้อง Canon sx500 IS (ภาพใหญ่สุดยอด!) (และอีกเศษนึงมากจากกล้องXperia S)

เข้าเรื่องเลยละกัน

พอเลิกเรียนเสร็จกลับบ้านไปเอากระเป๋าเปลี่ยนชุดไปสนามบินสุวรรณภูมิ ไปถึงนั่นประมาณสามทุ่มกว่าๆ เครื่องออก5ทุ่ม45 ยังเหลือเวลาอีกเยอะ ก็ไปจัดการเช็คอิน เปลี่ยนซิมมือถือ(ของพี่) แล้วก็ไปเจอเพื่อนของพี่ที่ทำงานอยู่Bangkok Airway อา~ ไอ้คุณพี่ก็เดินไปคุยไปกับเพื่อนสิคะ แล้วจากนั้นก็ไปรอFlightที่เลาจน์ของKing power แหม อาหารอร่อยจริงไรจริง ข้าวต้มไก่ แซนวิชแฮมชีส

เดินทางขาไปครั้งนี้เดินทางโดยสายการบินการบินไทยเที่ยวบินที่TG622 จากกรุงเทพไปโอซาก้า
(ในเครื่องมีแต่คนญี่ปุ่นเกือบทั้งลำ)


หลังจากนั้นพอขึ้นเครื่องบินของสายการบินไทย TG622 จากกรุงเทพไปโอซาก้า
ทันทีที่ขึ้นเครื่อง "หลับ!" ทันที! (เหตุเพราะกินนมอุ่นๆตอนอยู่ที่เลาจน์King power + เหนื่อยจากการเรียนวันศุกร์) ขนมอะไรมาเสิร์ฟก็ไม่กินทั้งนั้นล่ะ มาตื่นเอาอีกทีตอนประมาณตี5(ของประเทศญี่ปุ่น)ตอนที่เขาแจกอาหารกิน เรากินข้าวหน้าปลาไหลแหละ = w= ก็อร่อยใช้ได้

7โมงเช้าของประเทศญี่ปุ่น (หลังจากนี้ไปจะบอกเวลาของญี่ปุ่นทั้งหมดนะ) ก็มาถึงสถานบินคันไซที่ประเทศญี่ปุ่น ผ่านตม.เสร็จอะไรเสร็จก็ออกมา
ถึงแล้วคันไซ!



ออกจากเกทก็มารอเพื่อนของพี่คนหนึ่งชื่อว่า "ฟุรุทานิ ยูซูเกะ"
เขาเป็นสมาชิกของสมาคมสร้างคุณค่าหรือสมาคมโซคา หรือภาษาอังกฤษก็คือ Soka Gakkai เขาเคยมาประเทศไทยแล้วพี่ก็มาคุยด้วยในฐานะที่เป็นสมาชิกโซคาด้วยกัน เนื่องจากพวกเขาคุยกันถูกคอ เพราะว่าพี่เป็นล่ามประจำสมาคมโซคาอยู่แล้วซะส่วนใหญ่ ส่วนยูซูเกะนั้นก็ทำงานเป็นนักแปล (ได้ข่าวว่าแปลหนังด้วย) แล้วก็ทำงานเป็นอาจารย์ ก็มันเลยสิคราวนี้อังกฤษอังกฤษ
 พอเมื่อได้ยินว่าพวกเราจะมาญี่ปุ่น มาที่โอซาก้า เขาก็บอกว่าให้เรามาพักที่บ้านเขา ค่ากินไรแทบไม่ต้องใช้กันเลยเวลาอยู่ที่โอซาก้า (เกรงใจสุดๆเลยจ้า!)
อื้อ พอเขามารับเราที่สนามบิน ยูซูเกะเขาก็พาพี่ไปจัดการเรื่องตั๋วรถไฟชินกันเซนที่จะนั่งจากโอซาก้าไปโตเกียว ส่วนเราก็นั่งเฝ้ากระเป๋า ระหว่างรอไอ้เราล่ะเสือกทำหูฟังหาย! ลืมไว้ที่เครื่องบิน โคตรจะเสียใจ หูฟังที่ซื้อจากสิงคโปร์ใช้ไม่ถึงปี สละไปกับเครื่องบินซะแล้ว ; w;) (พี่บอกว่า "เออ เดี๋ยวไปซื้อที่โตเกียว็ได้" แง่ะ!)


(มาญี่ปุ่นนี่อยากมาร้านนี้ใจจะขาด)


หลังจากที่พี่และยูซูเกะกลับมาพวกเราก็ออกจากสนามบินไปที่รถของยูซูเกะที่จอดอยู่ ซึ่งแม่ของยูซูเกะก็มารออยู่ที่รถรับพวกเราด้วย ก็มาช่วยกันขนของแล้วก็ขึ้นรถไปที่บ้านของครอบครัวฟุรุทานิ ไอ้ตอนออกมาจากสนามบินนี่เสียงจั๊กจั่นร้องกันแบบสุดๆ! (เพราะว่าช่วงนี้เป็นฤดูร้อนของญี่ปุ่นแล้ว จั๊กจั่นเลยออกมาร้องกัน) แทบจะหาเสียงแบบนี้ในเมืองไทยไม่ได้เลยจริงๆ แต่ญี่ปุ่นนี่เดินไปไหนก้ได้ยิน สุดยอดดีแท้!

ขณะที่กำลังเดินทางอยู่ ก็มองสภาพแวดล้อมภายนอกของคันไซ หืม~ ดูอุดมสมบูรณ์จริงไรจริงๆนะ เขียวขจีเหมือนอยู่ต่างจังหวัดของประเทศไทย



แล้วไอ้ตอนระหว่างทางไอ้พี่ก็บอกกับยูซูเกะกับแม่ของเขาว่า "เออ มิลค์น่ะมันชอบAmami Yuki กับ AKB48" แม่ยูซัง(ของเรียกอย่างนี้ก็แล้วกันนะ)กับยูซูเกะก็คุยกัน (เท่าที่ฟังได้นิดนึงนะ) "Amami Yuki ที่เป็นดาราน่ะนะ?" ประมาณนี้ แล้วแม่ยูซังก็หันมาถามเราว่าชอบใครในAKB48 ไอ้เราก็ตอบไปเลยว่า "อัตจังกับโอชิมะ ยูโกะ" แม่ยูซังก็อ๋อ...แล้วก็เงียบ...เขาคงรู้จักแหละ อยู่ในโฆษณาทีวีออกจะบ่อย
หลังจากนั้นไอ้พี่ก็พูดอีกละบอกว่า "(ชี้มาที่เรา)อยากกินเมล่อนปัง" ซะงั้นน่ะ เออไอ้เราก็อยากกินแหละ จู่ๆเหมือนแม่ยูซังกับยูซูเกะจะพูดเรื่องร้านขนมปังที่ขายเมล่อนปังอร่อยๆ ไอ้เราล่ะนึกว่าแค่บอกชื่อร้านแล้วเดี๋ยวให้เราจัดการเอง ที่ไหนได้ พอขับรถไปอีกซักพัก มาจอดที่ไหนซักแห่ง...อ้าว ร้านขนมปังนี่!!! เข้ามาแม่ยูซังชี้ๆที่ไปขนมปังแล้วบอกว่า "เมล่อนปัง" อ้าว!!! เอาจริงดิ!!! เออ ไอ้เราก็ไม่รู้จะทำไงก็ให้เขาคีบๆไปนั่นล่ะ ไม่เอาก็เกรงใจเขาไหนๆก็มาแล้วแท้ๆ แถมเขาก็จ่ายให้อีก โอ้ว พระเจ้า เกรงใจจริงไรจริง ข้างร้านขนมปัง เยื้องๆไปนิดนึงเป็นร้านLAWSON เป็นร้านที่เราอยากเขาที่สุด แต่ก็ยังไม่ได้เข้าซักที (อยากจะเข้าแต่ก็เกรงใจเขาอยู่ดี)


(นั่นไงเมล่อนปัง!!!)



(ขนมปังอื่นๆร้านนี้ก็ดูน่ากินเหมือนกันนะ)



นี่แหละร้านที่เราคิดว่าอร่อยที่สุดที่เรากินมาตอนอยู่ที่ประทเศญี่ปุ่นน่ะนะ
อ้อ ผู้ชายที่ใส่แว่นนั่นคือ ยูซูเกะนะ ส่วนพี่เราใส่เสื้อสีขาว



ตรงข้ามก็เป็นLAWSONครับท่าน อยากเข้าไปชะมัดครับท่าน!!!

ในที่สุดก็ขับรถมาถึงบ้านฟุรุทานิ บ้านของฟุรุทานิเนี่ยอยู่ในโซนอิซูมิ ซึ่งจากบ้านไปยังสนามบินนี่ใช้เวลาเดินทางประมาณ1ชั่วโมงแน่ะ
เป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่นจริงๆ เห็นประตูข้างใน+เสื่อทาทามิแล้วแบบ นี่เราอยู่ในโดราเอม่อนหรือเปล่า? ฮ่าๆๆๆ


มีพัดลมยามะเซนด้วยนะเห้ย!!! 
(ใช้แล้วลมพัดเบาๆพอประมาณ แต่ไม่แรงเท่าฮาตาริบ้านเรานะ)

หลังจากนั้นก็กินขนมปังเมล่อน+อื่นๆที่ซื้อมาจากร้าน อื้อหือ!!! เมล่อนปังที่ร้านนั่นสุดยอดไปเลย ต่างจากที่กินที่ร้านSUNMOULINที่เซนเวิลด์สุดๆ ไม่มีความหวานของน้ำตาลเลยอะไรเลย โดยเฉพาะเมล่อนปังมีครีมแล้วด้วยเนี่ย ครีมมันเข้ากันกับเมล่อนปังกินแล้วไม่รู้สึกเลี่ยนเลยซักนิด! ถือว่าร้านนี้ทำขนมปังได้แจ่มมาก!!!

ขณะกินก็เห็นพี่คุยกับยูซูเกะว่าจะไปไหน ก็ได้ยินว่าจะไป "โรงเรียนมัธยมคันไซโซคา" กับ "สมาคมโซคาสาขาโอซาก้า" ไอ้ตอนนั้นเราล่ะก็ไม่ได้สนใจอะไร อ้อจะไปเหรอ อื้อไปก็ไป
หลังจากกินเสร็จอะไรเสร็จเตรียมตัวเสร็จก็เริ่มออกเดินทางไป "โรงเรียนมัธยมคันไซโซคา" ระหว่างทางก็เจอกับตึก "IKEDA AUDITORIUM" ของโรงเรียนคันไซโซคา ซึ่งคาดว่าตอนนี้เราอยู่หลังโรงเรียนแน่ะ


ตราโรงเรียนคันไซโซคาพร้อมชื่่ออาคารIKEDA AUDITORIUM

หลังจากนั้น รถก็มาจอดอยู่ที่ลานจอดรถร้านแห่งนึง ไอ้เราก็ "ห๊ะ? มาไมวะ?" ก็ไม่รู้ก็ลงๆไป เข้าห้องน้ำหน้าร้านแล้วก็เข้าไปในร้าน จากที่ยูซูเกะบอกมาว่ามันเป็นร้านเกี่ยวกับพวกยาหรือเสริมสวยอะไรพวกนี้แหละ(พวกครีมไรงี้ครีมล้างหน้าไรงั้นงี้) ไอ้เราก็ เข้าไปเผื่อจะได้เจอโฆษณาเจ๊ยูไม่ก็ของAKB48 ... ไม่มีเลย! แม้แต่โซนแกงกะหรี่ก้อนที่ยูโกะ+มายุ+มาริโกะเป็นพรีเซนบนกล่องก็ยังไม่มี...ร้านในคันไซทำไมถึงไม่มีเลยล่ะ! ; w;)
พวกเขาก็บอกให้เราเลือกน้ำมาจะกินไร ไอ้เราก็ ตอนแรกเห็นSTRONG ZERO ที่เจ๊ยูแกเป็นพรีเซนเตอร์...อยากลองกินมั่ง พอบอกจะกิน(พูดแบบกล้าๆกลัวๆ) ไอ้พี่ก็ "จะกินเป็นกระป๋องเหรอ?" ไอ้เราก็ เปลี่ยนไปเลือกกินชาซะงั้น หลังจากที่ซื้อชามาแล้วเรียบร้อย เปิดมากิน... "ขมชะมัด!" นี่เรอะชา!! ไอ้ตอนนั้นเราก็คิดว่า หลังจากนี้คงจะไม่กินเจ้านี่ไปอีกนาน แต่พอหลังๆมารู้เข้าว่า คนญี่ปุ่นเขากินชารสชาติแบบนี้กัน ขมๆนี่แหละ อืม ไอ้เราน่ะคนไทยดันกินแต่ชารสชาติหวานสังเคราะห์ขึ้นมาซะงั้น กินนี่เลยไม่ชิน

ไอ้ชานี่แหละที่เรากินแล้วขมมากเมื่อดื่มครั้งแรก แต่หลังๆก็เฉยๆละ เพราะกินชาที่นั่นบ่อยๆ

เดินมาได้เรื่อยๆ เอ้า เดินมาเรื่อยๆ บ้างก็เจอตัวจั๊กจั่นตัวเป็นๆ บ้างก็เจอนักเรียนรีบวิ่งไปสถานีรถไฟเพื่อไปโรงเรียนให้ทัน(จากที่เดา)(ตอนเดินมีมองหน้าด้วย #มองไมฟะไม่เคยเห็นเด็กแว่นแต่งตัวเห่ยๆเหรอวะ?) เดินไปเรื่อยๆ ชักไกลแล้วนะๆ และจากที่ได้ยินจากพี่หลังจากกลับจากโรงเรียนคันไซโซคาคือ "โรงเรียนนี้อยู่หลังเขาค่ะ"...แทบอยากจะกรีดร้องแต่ว่าก็ทนล่ะนะ #มิลค์จะไม่ทน อะไรทำนองนั้น





เดินไกลบัดซบอ่ะท่าน!!!!

ในที่สุด!!! ก็มาถึงซักที โรงเรียนมัธยมคันไซโซคา !!! ซึ่งวันนี้โรงเรียนจัดopen campus (หรือก็คือโอเพ่น เฮาส์ที่บ้านเราเรียกกันนั่นล่ะ)
เข้าไปแล้วสวยมาก!! (โรงเรียนเอกชนนี่นะ) มีนักเรียนมาบริการต่างๆเยอะแยะ


วันนี้เป็นวันopen campus(หรือก็คือโอเพ่น เฮษส์) คนเลยมาเยอะเป็นพิเศษ



แล้วห้องอาหารเขาก็ "ปัดเชดเข้!!! อลัง!!! โคมไฟใหญ่บักเอ้ก!!!" ติดแอร์ด้วยนะ!!! (ทีไอ้โรงเรียนเราพัดลมไอน้ำ แล้วไอ้ไอน้ำนี่ไม่รู้เอามาจากบ่อน้ำเน่าหน้าโรงอาหารหรือเปล่าก็ไม่รู้)



แล้วข้าววันนี้เขาก็ทำแกงกะหรี่ไก่ทอดมาให้ ถือว่านี่เป็นข้าวมื้อแรกที่ญี่ปุ่น (ไม่นับกินเมล่อนปังที่บ้านฟุรุทานินะ) อร่อยสุดยอดทีเดียว...แต่ไม่กินแตงกวานะ เป็นแท่งเลยจ่ะ ไม่เอาๆ (ไม่ชอบผักค่ะ)


อร่อยดีนะ แกงกะหรี่ไก่ทอด 

จากนั้นก็เดินสำรวจโรงเรียน มีโซนของฝากของที่ระลึกด้วย (ซึ่งมันอยู่ข้างๆโรงอาหารนี่ล่ะ) มีทั้งขนมหนังสือดินสอปากกา ไอ้พี่ก็ซื้อใหญ่เลยนะ  ตอนแรกจะจ่ายเอง แต่สุดท้ายแม่ยูซังก็จ่ายให้ ตามคำพูดที่ยูซูเกะบอกเลยว่า อยู่โอซาก้าแทบไม่ต้องจ่าย (อืม...)


แล้วก็เดินสำรวจโรงเรียน แต่ว่าเดินไปไม่ถึงไหนก็ต้องเดินออกมา เพราะว่าพวกเราไม่ได้ใส่รองเท้าแตะหรือรองเท้าลำลองใส่กัน ใส่รองเท้าเดินเที่ยวดื้อๆเข้าโรงเรียนนี่ล่ะ (เพราะว่าลืมล่ะนะ แต่ไอ้เดินเข้าตึกไปก็เห็นคนเปลี่ยนรองเท้ากัน ไอ้เราก็ เปลี่ยนทำเพื่อ? ก็พึ่งมารู้สาเหตุเอาก็ตอนกำลังเดินลงล่ะนะ)
ก็ออกมาที่ด้านหน้า แล้วก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ (โดยเฉพาะไอ้พี่ที่ถ่ายซะเยอะแยะเลย) แล้วก็เข้าพิพิธภัณฑ์ของโณงเรียนด้วย พวกประวัติของโรงเรียนอะไรอย่างนี้ 



ลายมือของอาจารย์อิเคดะ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนแล้วก็เป็นประธานสมาคมโซคาล่ะนะ


อ่านไม่ออกว่าเขียนว่าอะไร - -*






จู่ๆก็มีประกาศขึ้นมาว่า (จากที่ยูซูเกะแปลให้น่ะนะ) "รถทีมเบสบอลของโรงเรียนคันไซโซคากำลังจะถึงแล้ว เนื่องจากการแข่งขันเบสบอลที่โรงเรียนลงไปแข่งขันด้วย ผลออกมาว่าแพ้การแข่งขัน ยังไงพวกเราก็มาต้องรับพวกเขา แล้วก็หยิบธงจากพนักงานด้วยนะครับ" (มีเสริมของตัวเองด้วยนิดหน่อย) ก็คือ แบบว่าทีมเบสบอลโณงเรียนนี้แข่งแล้วแพ้ แล้วกำลังจะกลับโรงเรียน เขาก็เลยให้คนที่มาเนี่ยมายืนต้อนรับเพื่อแสดงความยินดีที่ว่า "เอ้อ ทำดีที่สุดแล้ว ขอบคุณมากสำหรับความเหนื่อย" อะไรทำนองนั้น
ธงที่โรงเรียนแจกมาก็เป็นธงสามสี(ประจำสมาคมโซคา)แล้วก็ตราโรงเรียนอยู่ตรงกลาง


นี่ล่ะธงที่เขาแจกมาให้




แล้วในที่สุด รถบัสที่มีนักเรียนที่เป็นนักเบสบอลของโรงเรียนก็มาถึง ทุกคนที่อยู่ในโณงเรียนก็โบกธ.กันใหญ่ พร้อมเสียงไมค์ที่บอกว่า ในที่สุดก็มาถึงแล้ว บลาๆๆๆ


และขณะที่ประตูเปิดนักเรียนก็กำลังลงมา ทุกคนต่างส่งเสียงว่า "ขอบคุณนะ" แล้วก็ปรบมือตลอดจนกว่านักเรียนจะลงและขนของกันหมด (แต่ว่าทำไมไอ้เราได้ยินว่า "ยินดีด้วยนะ (omedetou)" แทนคำว่า "ขอบคุณนะ (arigatou)" วะ...)



ปรบมือ+ตะโกนว่าขอบคุณกันใหญ่เลย

หลังจากขนของเสร็จไรเสร็จพวกเขาก็ยืนเรียงแถว แล้วก็ฟังคำปราศัย(?)จากอาจารย์ แล้วก็ให้ตัวแทนทีมออกมาพูดอะไรนิดหน่อย (น่าจะพูดประมาณว่า ทำดีที่สุดแล้ว ขอบคุณสำหรับกำลังใจ อะไรก็ว่าไป) แล้วจากนั้นอาจารย์อีกคนก็มาพูดต่อแล้วก็ให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่บันไซให้กับทีมเบสบอล (บันไซมันสลัดไก่มากค่ะ 5555+)


หลังจากเสร็จอะไรเสร็จก็คืนธง (เขาไม่ได้แจกธงฟรีนะ ถ้าจะเอาก็ไปซื้อที่โซนของฝาก - -*) แล้วก็กลับ(ลงเขา)ไปที่รถที่จอดอยู่หน้าร้านขายของเสริมสวยไรนั่นอย่างที่ว่า



ป้ายopen campus หน้าโรงเรียนคันไซโซคา


บอกแล้วว่าที่นี่มันเขียวขวีสุดๆ!!! ลมพัดทีไปทั้งดุ้น 5555+


ร้านนี้แหละที่เอารถมาจอด


ด้านหน้ามีโปสเตอร์พวกโฆษณาครีมไรงี้ด้วย มีคันโนะ มิโฮะด้วยค่า!! สวยเว่อร์ๆ


ส่วนป้ายตรงเสานี่ก็ของชินโง โฆษณาแผ่นป้ายบรรเทาปวดนี่ล่ะ (คล้ายๆตราเสือบ้านเรา)

สถานที่สองที่จะไปต่อวันนี้ก็คือ "สมาคมโซคา สาขาโอซาก้า" ซึ่งในที่แห่งนั้นมี โงะฮนซนสีทองซึ้งพื้นส่วนใหญ่เป็นสีดำส่วนตัวอักษรสีทองซึ่งเป็นโงะฮนซนองค์เดียวในโลกที่เป็นสีทองล่ะนะ
ก็เดินทางไปเรื่อยๆ ก็มาถึง



แต่รู้ว่ายามบอกว่าวันนี้ปิด ไม่ให้เข้า อา ก็บอกว่าให้ไปเข้าที่นึงสิ อยู่แถวๆนี้ล่ะ 
(ที่จริงไอ้เราก็ไม่รู้ว่าสมาคมโซคาตรงนี้มันเกี่ยวกับอะไร แต่รู้ว่าตรงนั้นมันมีสองแห่งล่ะนะ) ก็เดินไปแถวๆนี้ล่ะ แถวนั้นก็มีร้านขายของที่เกี่ยวข้องกับสมาคมด้วยล่ะ แบบว่าสมาชิกเขาเปิดกันน่ะ





จากนั้นก็มาถึงอีกที่ ที่ๆมีโงะฮนซนสีทองอยู่ เข้าไปเขาก็เตรียมจัดคนแนะนำสถานที่ พวกเขารีบไปเปิดห้องเปิดแอร์อะไรไว้พร้อม ถือว่าดีมากๆ ภาพในสมาคมนี้ก็ทำด้วยกำมะหยีอีกต่างหาก แล้วก็มีชั้นที่รวบรวมผลงานต่างๆของอาจารย์อิเคดะไว้ด้วย รวมถึงรางวัลของประเทศไทยเราก็มี แล้วก็โงะฮนซนสีทองที่มีองค์เดียวในโลก สวยงามมากจริงๆนะ พี่บอกว่า ที่เป็นองค์สีทองก็เพราะชัยชนะของชาวคันไซ (น่าจะเป็นชัยชนะตอนที่ยุวชนชาย-หญิงรวมตัวกัน1หมื่นคนมาที่ศาลากลางนั่นล่ะ)
เขาอนุญาตให้เราถ่ายรูปได้แค่ชั้นล่าง ก็เลยถ่ายไว้




ภาพนี้คือภาพวาดตอนที่ยุวชนชาย-หญิงหนึ่งหมื่นคนรวมตัวกันที่หน้าศาลากลาง เรียกร้องให้ปล่อยตัวอาจารย์อิเคดะออกจากคุก และชื่อของพวกเขา(ยุวชนชาย-หญิง)ก็ได้สลักไว้บนแผ่นหินนั่นไว้ตลอดไป (ตามที่ยูซูเกะบอกน่ะนะ)




ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซักภาพ...


นี่คือด้านหน้าสมาคมล่ะ

เอาล่ะ เมื่อวันนี้ไปตามที่อยาก(พี่)ไปแล้วเราก็กลับบ้านฟุรุทานิกัน หลังจากที่นั่งพักอะไรกันนิดหน่อยที่บ้านฟุรุทานิ ก็ออกจากบ้านกันอีกแล้ว! แต่ว่าคราวนี้ไปกินข้าว ไปกินซูชิที่ร้านซูิที่ชื่อว่า ซูชิโรล หรือก็คือร้านซูชิหมุน...ชื่อร้านแม่งโคตรตรงตัวเลยเมิง...



ถือว่าอร่อยดี แต่ก็กินไม่เยอะเพราะว่าเกรงใจเขา (แต่ก็กินไปหลายชิ้นเหมือนกัน)


มีจอให้สั่งด้วยนะ พอสั่งแล้วก็จะมีเสียงบอกว่าอาหารมาแล้วมาเอาสิคะ 

ระหว่างกินนั้นพ่อของยูซูเกะก็มา (หลังจากนี้ของเรียกว่าพ่อยูซังละกันนะ) ส่วนใหญ่ก็กินแต่ปลามากุโร่แล้วก็อะไรอีกอันนึง ฮามาจิ? (ไม่ใช่ละ) จำไม่ได้ กินเสร็จก็ออกไปก่อนแล้วก็เอายายของยูซูเกะกลับไปด้วย(หลังจากนี้ของเรียกว่ายายยูซังละกันนะ) ตอนจ่ายตังค์พนักงานเขาจะวัดระดับจานก่อนว่าเอ็งกินไปกี่จาน (แบบจานซ้อนๆกันงี้ก็วัดเลย กี่จาน จ่ายมานะ!) แล้วก็จ่ายซะ พอจ่ายเสร็จก็ออกไป ข้างหน้าร้านก็มีที่ล้างมือแล้วก็เครื่องเป่ามือด้วย 
แล้วขณะอยู่บ้านฟุรุทานิก็จัดการอาบน้ำเปลี่ยนชุด แล้วก็นั่งดูทีวี ไอ้ขณะนั่งดูทีวีก็เจอโฆษณาตัวนึง ก็คือ STRONG DRY (STRONG ZEROตัวใหม่นั่นล่ะ) ไอ้เราก็ เห้ย! ถ่ายสิวะ!!! ใช้Xperia Sถ่าย...ไม่ทันซะงั้น กล้องมันถ่ายช้าเลยได้ฉากไอ้แว่นโดนน้ำสาด LOL


ใครอยากดูCMนี้คลิกตรงนี้เลย ฮาเหมือนกันนะ
แล้งจากนั้นจู่ๆพ่อยูซังก็เปิดหนังให้ดู เรื่อง Wreck it Ralph เรื่องที่AKBร้องเพลงประกอบให้ด้วย ถือว่าสนุกเหมือนกันนะเรื่องนี้ เยี่ยมมาก
หลังจากนั้นก็ขึ้นห้องนอน ซึ่งมันก็ดึกแล้วแหละเที่ยงคืน (ที่ไทยแค่4ทุ่มเอง) อยากอยู่ต่อแต่ว่าก็เกรงใจพวกเขาน่ะนะ ก็ขึ้นไป แม่ยูซังก็เตรียมที่นอนให้ด้วย โอ้โห นี่เหรอที่นอนญี่ปุ่น!!


ที่จริงแล้วเขาก็มีแอร์นะ แต่ว่าก็นอนด้วยพัดลมนี่ล่ะ เพราะใช้พัดลมก็นอนได้ (ประหยัดไงเอาง่ายๆ) 
แล้วก็นอน ราตรีสวสัดิ์ ลั้ลลาเลยล่ะ

ไว้เจอกันวันที่2

---------------

edit - ตอนกำลังกลับบ้านฟุรุทานิ (ก่อนจะกินซูชิน่ะ) ระหว่างทางเจอโฆษณาAKB ปาจิงโกะแต่ไกล ด้วยความสามารถของกล้อง จะโฟกัสได้ชัดเชียวล่ะ ถือว่าภาพนี้เป็นภาพแรกที่ได้เห็นโฆษณาAKBในญี่ปุ่นน่ะนะ (ที่จริงเห็นที่ตู้กดน้ำตอนขึ้นไปรงเรียนคันไซโซคาแต่ว่าไม่ได้ถ่ายเพราะอยู่ไกลและเหนื่อยขี้เกียจแล้ว)


นี่ถ่ายจากในรถนะเนี่ย ซูมไปเกือบสุด เห็นชัดเว่อร์ค่ะ!

ขับรถไปอีกซักพักเจอป้ายแบบแนวตั้ง โฆษณา DVD AKB TOKYO DOME แน่ะ โอ้!!!


มันกลับด้านแฮะ ลมแรงซะงั้น


กะจังหวะอีกรอบ!! นั่นไงได้ละ ด้วยสกิลของกล้อง ซูมจากในรถ ถือว่าเยี่ยมทีเดียวล่ะ!!!!


- Copyright © 2013 HaLauYaMa - Shiroi - Powered by Blogger - Designed by Johanes Djogan -