Posted by : HaLauYaMa Sunday, January 17, 2016



“คาชิยูกะดูนั่นสิ กลุ่มแฮปปี้เบบี้นี่สุดยอดไปเลยเนอะ เด็กห้องบีนี่สุดยอดไปเลย...”
อาจังที่ได้แต่พูดชมกลุ่มทีมของห้องอื่น ขณะที่คาชิยูกะได้แต่ยืนนิ่งอยู่เงียบๆฟังอาจังพูดโน่นพูดนี่อยู่ข้างๆ




เห็นแบบนี้แล้วเราจะไปทำอะไรได้…




“แต่ดูคนนั้นสิ น่ารักมากเลยเนอะ ใครกันน้า…”
คาชิยูกะชายตามองตามนิ้วที่อาจังชี้ไปถึงผู้หญิงที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มแฮปปี้เบบี้




สายตาที่เป็นประกาย สายตาที่แสดงถึงความมุ่งมั่นนั่น …. ใครกันนะคนคนนั้น




“โอโมโตะ อายาโนะไง เด็กห้องบีที่เต้นเก่งๆนั่นน่ะ”
คาวะยูกะที่ยืนอยู่ข้างๆอาจังก็เข้าไปตอบคำถามของเธอ



โอโมโตะ อายาโนะงั้นเหรอ…



และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ฉันได้รู้จักกับโอโมโตะ อายาโนะ…


 




“นจจิ!!! แกทำอะไรของแกน่ะ!!!”


เสียงแหลมสูงดังขึ้นมาทำเอาอาจังและคนรอบข้างสะดุ้งเฮือก


“มีอะไรเหรอยูกะจัง เสียงดังจนฉันสะดุ้งไปเลยล่ะเมื่อกี้น่ะ”
“ก็ นจจิมันน่ะสิ เผลอไปลบข้อมูลเกมที่ฉันเล่นมาตั้งนาน”

คาชิยูกะชี้ตัวนจจิที่กำลังนั่งหันหน้าไม่สบตากับใคร

“เอาน่าๆ ยูกะจัง ขนาดการ์ตูนที่นจจิยังไม่ได้คืนเธอก็ไม่ได้โกรธอะไรขนาดนี้นี่นา เรื่องแค่นี้ยกโทษให้ก็ได้นี่นา”

อาจังพยายามพูดให้แง่ดีกับคาชิยูกะที่กำลังหัวเสีย

“การ์ตูนน่ะมันจะซื้อใหม่สักกี่เล่มก็ได้ แต่เกมน่ะการที่จะทำให้ได้เท่านี้กว่าจะได้ตัวละครดีๆมาสักตัวมันยากมากนะรู้มั้ย?”
“มะ...ไม่เห็นจะต้องขึ้นเสียงขนาดนั้นก็ได้นี่นา…ใจเย็นเถอะนะยูกะจัง นจจิก็ขอโทษยูกะจังเถอะนะ”

อาจังหันไปหานจจิที่นั่งเงียบอยู่ตั้งนาน ก็กลับพบว่านจจิกลับทำสายตาเย็นชาจ้องมองไปยังคาชิยูกะ

“หึ กะอีแค่เกมอย่างนี้จะให้เล่นใหม่อีกสักกี่ครั้งเดี๋ยวมันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว แต่เธอจำไม่ได้หรือไงคาชิโนะ ยูกะ”




การที่นจจิเรียกชื่อเต็มของยูกะจังนั่นคือไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้ว….อาจังคิดในใจ




“เกมโทคิเมคิเมโมเรียลทีเธอไปเล่นที่บ้านฉัน พอฉันกลับมาข้อมูลเกมทั้งหมดก็หายไป แถมแก้วใบโปรดใบเดียวของฉันเธอก็ทำแตก อย่างนี้คิดเหรอว่ามันจะมีอะไรกลับคืนมาได้น่ะ? เธอคงไม่รู้สินะว่าความรู้สึกที่ฉันเก็บมันเอาไว้น่ะมันเยอะแค่ไหน?”

เล่นทำเอาอาจังและคนอื่นๆรวมถึงคาชิยูกะถึงกับพูดไม่ออก




เรื่องนั้นมันตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ...อาจังคิดในใจพลางมองหน้านจจิที่จ้องคาชิยูกะไม่วางตา




“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าฉันจะมาเป็นเพื่อนกันคนอย่างแกนะโอโมโตะ อายาโนะซัง”
“หึ คิดเหรอว่าฉันน่ะอยากจะเป็นเพื่อนกับเธอน่ะคาชิโนะ ยูกะซัง”




บรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัวนี่มันคืออะไรกัน...



เอาอีกแล้ว สองคนนี้ทะเลาะกันทีไรเรานี่ซวยตลอดเลยสิน่า...อาจังคิด



“นี่ พี่ๆ ยูกะกับนจจิเขาเป็นไรน่ะ? กินข้าวไม่พูดจากันเลยแถมไม่มองหน้ากันอีก….”

ชาปองแอบกระซิบกับอาจังผู้เป็นพี่สาวข้างๆระหว่างกำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่บ้านนิชิวากิ

“...เรื่องมันยาวน่ะ…”
อาจังพูดแค่นั้นแล้วก็ไม่พูดอะไรต่อได้แต่กินข้าวอยู่เงียบๆท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่สามารถอธิบายนี้ได้



ไม่น่าชวนมาที่บ้านเราเล๊ย!!!!



อาจังพร้อมกับสองคนที่เหลือที่อยู่ในห้อง บรรยากาศอึมครึมจนไม่รู้จะเริ่มยังไง ถึงอาจังจะเป็นคนที่มีอารมณ์ขันและร่าเริง และเป็นคนคิดในแง่ดีอยู่เสมอ แต่ไอ้สถานการณ์ที่แบบนี้ก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน ถ้าเป็นสมัยตอนเด็กๆล่ะก็เจอบรรยากาศแบบนี้คงร้องไห้โฮออกมาแล้วแต่ถ้าตอนนี้มาร้องไห้เหมือนเด็กออกมาอีกล่ะก็ ทั้งสองคงได้แต่โทษกันไปโทษกันมาทะเลาะกันอีกแน่ๆ
ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงของชาปองน้องสาว


“พี่คะ อาบน้ำเสร็จแล้วนะ!”
“อื้อ ขอบใจ จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ!”


พอนจจิและคาชิยูกะได้ยินคำว่า จะไปเดี๋ยวนี้ ก็จะเท่ากับว่า อาจังจะไม่อยู่และทิ้งกันไว้เหลือสองคน การที่จะต้องมาอยู่ด้วยกันกับ “ยัยนั่น” น่ะ….

เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!!!!



“นจจิ ยูกะจัง อย่างนั้นฉันไปอาบน้ำ…”
“ฉันไปอาบก่อนได้มั้ย!!!”

จู่ๆคาชิยูกะก็พูดโต้ขึ้นมา

“ยู...ยูกะจังอาบแล้วไม่ใช่เหรอ…”

เล่นเอาคาชิยูกะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที เพราะว่าไม่อยากจะเห็นหน้านจจิเลยขอไปอาบน้ำก่อน เมื่อตอนที่อาจังถามว่าจะมีใครไปอาบน้ำก่อนหรือไม่

“อย่างนั้นฉันก็…”

นจจิกำลังจะพูดแต่ก็โดนอาจังขัดอีกเช่นกัน เพราะว่าไม่อยากเห็นหน้าคาชิยูกะเลยไปขอต่อคาชิยูกะ

“อย่างนั้นไปอาบกับอาจังก็ได้นะ”
“ไปไกลๆเลยไป!”

แน่นอนว่านจจิพูดอย่างนั้นก็ต้องถูกอาจังปฏิเสธกลับ

“ให้ตายสิทั้งสองคนทะเลาะกันนี่ลำบากชะมัด ไม่เหมือนกับสมัยก่อน…”
ทันใดนั้นอาจังก็นึกอะไรบางอย่างออกทันที แล้วก็รีบเดินเข้าเปิดลิ้นชักบนโต๊ะควานหาอะไรบางอย่างไม่ให้เสียเวลา


ขอให้เก็บไว้ด้วยเถอะนะ งานนี้มีแค่แกเท่านั้นที่จะช่วยสถานการ์อย่างนี้ไว้ได้…


อาจังค้นหาบางสิ่งบางอย่างด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้า

“เจอแล้ว!!!”

แล้วความตั้งใจของเธอนั้นก็ประสบผล
สิ่งที่เธอควานหาในลิ้นชักเล็กๆในโต๊ะของเธอนั้นเป็นมือถือฝาพับรุ่นเก่าที่สมัยนี้เขาไม่ใช้กันแล้วที่ประดับด้วยกากเพชรสีชมพูน่ารักตามสไตล์ตัวเธอที่เป็นคนชอบสีชมพูมาตั้งแต่ไหนแต่ไร


“หวังว่าจะเปิดติดนะ…”

อาจังมุ่งมั่นกับการเปิดมือถือเครื่องนั้นอย่างมาก จนในที่สุดแสงสว่างก็ปรากฎขึ้นมาบนหน้าจอ
การที่ชาร์ตเก็บเอาไว้นี่มันดีก็ตอนนี้นี่เองสินะ เธอคิดไว้อย่างนั้น
จากนั้นอาจังก็จัดการอะไรบางอย่างกับมือถือฝาพับเครื่องเก่าตัวเองก่อนที่จะยื่นส่งไปให้กับผู้ร่วมอาศัยสองคนที่เหลือ ทำอย่างนั้นทำเอาทั้งสองคนสงสัย


จู่ๆจะยื่นมาให้ทำไม?




“แก้รหัสมือถือนี้ให้หน่อยสิ ถ้าแก้ไม่ได้ ฉันไล่ไปนอนหน้าบ้านนะ”

อาจังพูดด้วยน้ำเสียงขอร้องแกมบังคับ

“เอ่!” ทั้งสองอุทานพร้อมกัน คงจะมีเวลาแบบนี้เท่านั้นล่ะมั้งที่จะทำอะไรพร้อมเพรียงกันอย่างนี้
“จนกว่าฉันจะอาบน้ำเสร็จ ถ้ายังไม่ได้ก็เตรียมใจได้เลยนะ”
“แต่…”
“ไม่แต่ทั้งนั้นล่ะ จะไปอาบน้ำแล้ว เอ้าฝากด้วย”
อาจังวางมือถือไว้ข้างๆทั้งสองก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป

หวังว่าแผนนี้จะใช้ได้เหมือนแต่ก่อนนะ … อาจังคิดในใจก่อนที่จะเดินจากไป



นจจิและคาชิยูกะที่รับมือถือฝาพับเครื่องเก่าของอาจังมาแบบจำใจ ในห้องนั้นบรรยากาศนั้นเงียบเสมือนกับไม่มีใครอยู่ในห้อง ทั้งสองคนนั่งหันไปคนล่ะทิศคนล่ะทาง โดยมีมือถือของอาจังวางไว้อยู่คั่นกลาง


นจจิที่กำลังนั่งกอดเข่าอยู่คนเดียวได้แต่คิดแต่เรื่องที่เจ้าของบ้านนั้นได้สั่งพวกเธอหลังอาบน้ำ


ถ้าแก้ไม่ได้ก็ต้องนอนนอกบ้าน...เรื่องแบบนี้มันก้ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนให้ไปนอนนอกบ้านแบบนี้ แต่ทุกครั้งที่โดนสั่งให้ไปนอนข้างนอก คำสั่งนั้นก็มักจะถูกยกเลิกไปด้วยพลังของการอ้อนวอนขอร้อง แต่ทว่าครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ กลับกลายเป็นต้องมาแก้รหัสเข้ามือถือฝาพับเก่าๆแบบนั้น ยิ่งอาจังนั้นเป็นพวกทีเล่นทีจริง ถ้าเกิดไม่แก้จริงๆล่ะก็ พรมหิมะนุ่มๆแต่หนาวเหน็บได้เป็นที่นอนของเราในคืนนี้


เมื่อนจจิตัดสินใจที่จะหันไปหยิบมือถือเครื่องนั้น ก็กลับโดนผู้ร่วมห้องอีกคนคว้าไปได้


“เธอทำอะไรน่ะ?!”

ถามอีกฝ่ายทันทีเมื่อเธอโดนแย่งมือถือตัดหน้า

“ถามได้ ก็มาแก้รหัสไง”
“เอ๋ แต่ฉันจะแก้ก่อน!”
“แกนี่น้ำเสียงเหมือนเด็กเลยนะ”
“เอ๊ะ หาว่าฉันเด็กเหรอ!”

ทั้งๆที่อายุเท่ากันแท้ๆ

“ก็ไม่ว่าอะไรนี่นา...เอ้า มาช่วยกันแก้รหัสมือถือเครื่องนี้กันเลย”

คาชิยูกะโชว์มือถือขึ้นมาพร้อมกับให้นจจิเขยิบเข้ามาเพื่อให้ถนัดในการมอง
นจจิมองคาชิยูกะในเชิงสงสัย สิ่งที่อีกฝ่ายทำนี่แสดงให้เห็นว่าเธอหายโกรธตัวเราแล้วอย่างนั้นหรือ?

“บอกไว้ก่อนนะ แม้ว่าตอนนี้ฉันจะยังไม่หายโกรธเธอก็เถอะ แต่เพราะว่าฉันไม่อยากจะไปนอนนอกบ้านอย่างนั้นฉันจึงต้องให้เธอช่วยด้วย เข้าใจไว้ด้วยนะ พอแก้เสร็จเมื่อไหร่ เมื่อนั้นเราก็แยกกันเหมือนเดิม เข้าใจนะ”

คาชิยูกะพูดโดยไม่หันไปมองอีกฝ่าย นจจิได้แต่ตอบ อืม พลางขยับไปให้ใกล้กับคาชิยูกะ แต่ถึงจะขยับก็ยังคงไว้ระยะห่างกันอยู่


ว่าแล้วก็ยังโกรธอยู่ดี



เมื่อเปิดหน้าจอฝาพับตัวเก่าขึ้นมา หน้าจอที่ให้ใส่รหัสเข้าสู้หน้าจอหลักนั้นก็เปิดขึ้นมา ถ้าเป็นมือถือที่พวกเธอกำลังใช้อยู่ปัจจุบันนี้ก็คงเดาได้ไม่ยากว่ารหัสเลข 4 หลักของอาจังนั้นคืออะไร พวกเธอทั้งสองต่างก็รู้ดี
แต่ทว่า นี่เป็นมือถือเครื่องเก่าของอาจัง สมัยที่มือถือฝาพับนั้นนิยมไปทั่วประเทศก่อนที่ระบบสัมผัสนั้นจะฮิต ถึงแม้ว่าตอนนี้ก็คนก็ยังใช้กันอยู่ แต่ว่าก็น้อยกว่าแต่ก่อนแล้ว
หน้าจอมันกลับกลายเป็นให้พิมพ์รหัสโดยไม่กำหนดอักษรไว้เลย เพราะฉะนั้นพวกเธอทั้งสองเลยไม่สามารถรู้ได้เลยว่า รหัสที่เจ้าของมือถือคนนั้นเป็นคนตั้งนั้นมีอยู่กี่หลัก


“อย่างแรกเลย ลองใส่อย่างคำว่า Perfume เข้าไปซิ”

นจจิเสนอ เมื่ออีกฝ่ายลองพิมพ์เข้าไป ข้อความสั้นๆอย่าง “รหัสไม่ถูกต้อง” ก็ได้ปรากฎขึ้น
ไม่ใช่อย่างนั้นเหรอเนี่ย นจจิอุทานกับตัวเองเบาๆ

“ถ้าอย่างนั้น อันนี้ล่ะ…”

คาชิยูกะพูดพลางกดแป้นมือถือไป

“นิชิวากิ อายากะ...ชื่อจริงของอาจังสินะ”
ก็ยังขึ้นว่ารหัสไม่ถูกต้องอยู่ดี


แล้วหลังจากนั้นทั้งสองก็เสนอคำต่างๆที่เกี่วกับอาจังไม่ว่าจะเป็น ชื่อการ์ตูนที่เธอชอบอย่าง “เซเลอร์มูน” ของกินที่เธอชอบอย่าง “แพนเค้ก” หรือเพื่อนสนิทของเธออย่าง “ฮารุนะจัง” แม้กระทั่งเบอร์มือถือของอาจังที่กำลังใช้อยู่ณ ปัจจุบันนี้ของเธอก็ยังไม่สามารถเข้าไปได้


“เฮ้อออ จะมีอะไรอีกนะ”

นจจินอนลงไปกับพื้น ส่วนคาชิยูกะก็พยายามพิมพ์คำต่างๆที่เธอพอจะนึกออกเกี่ยวกับตัวของอาจังไปเรื่อยๆ แม้ว่ามันจะไม่ถูกเลยสักครั้งก็ตาม

“พวกเราได้นอนอยู่นอกบ้านอาจังแน่ๆเลย”

นจจิเริ่มโหวกเหวกโวยวายเหมือนเด็กอีกครั้ง

“เลิกบ่นแล้วช่วยลุกมาคิดต่อด้วยสิ”
คาชิยูกะสั่งทำเอานจจิจำใจลุกขึ้นมานั่งแล้วมานั่งคิดใหม่


สถานการร์ตอนนี้อยู่ในความตึงเครียด รวมถึงบรรยากาศห้องที่เงียบเกินกว่าจะมีคนสองคนมาอยู่ในห้องนี้ เวลาผ่านไปแล้ว 30 นาที เวลาในการแก้รหัสก็เริ่มน้อยลงไปทุกที


“นจจิ นึกออกยัง”

อีกฝ่ายถามเพื่อทำลายความเงียบ

“ยังเลย”
“งั้นเหรอ…”


พอคาชิยูกะได้ยินบทสนทนานั้นแล้วก็ทำให้หวนนึกถึงอะไรบางอย่าง




“จนกว่าฉันจะกลับมาพวกเธอทั้งสองต้องแก้รหัสเข้ามือถือของฉันให้ได้น้า!”

อาจังสั่งเพื่อนววัยเดียวกันทั้งสองที่นั่งอึ้งกันอยู่ในห้องของอาจัง พร้อมกับยื่นมือถือฝาพับที่ตัวเองใช้ให้กับสองคน

“แต่ว่า…”
ยูกะจังกำลังจะเถียง แต่อาจังก็ออกจากห้องโดยไม่ฟังคำพูดของเธอเลย


ตอนนี้ก็เหลือกันอยู่เพียงแค่ 2 คน มีเรา และ “อายาโนะจัง”
เพราะว่าพวกเราทั้งคู่เป็นพวกเข้าคนยาก พอเจอเพื่อนใหม่ก็กลับทำความรู้จักไม่ค่อยจะได้ โดยเฉพาะอายาโนะที่ได้ถูกอาจังมาเป็นสมาชิกคนใหม่ของPerfume แทนคาวะยูกะที่ลาออกไป
จะเอ่ยปากมาช่วยกันคิดก็ไม่กล้า แต่ว่าในเมื่อมันเป็นแบบนี้เธอเลยต้องรวบรวมความกล้าทั้งหมดของเธอ


“อ่ะ...อายาโนะ...จัง”

อีกฝ่ายหันหน้ามา

“มาช่วยกันแก้เถอะ...นะ”
“อา...อื้อ”


อีกฝ่ายตอบแบบกล้าๆกลัวๆ ก่อนที่ยูกะจะรวบรวมความกล้าอีกครั้งและเข้าไปหาอีกฝ่ายใกล้ๆ
ในช่วงแรกทั้งสองคนยังคงกลัวกันและกัน ยังคงเกร็งแล้วไม่กล้าเวลาจะพูดอะไรกัน แต่เมื่อผ่านไปอีกสักพัก กลับกลายเป็นว่าสามารถคุยกันได้ไหลลื่นอย่างน่าประหลาด อย่างกับว่าเมื่อตอนช่วง 30 นาทีที่แล้วนั้นเป็นเรื่องโกหก อย่างกับว่า 30 นาทีนั้นเป็นคนล่ะคนกับตอนนี้เลย


“ยูกะจังนึกออกยัง?”

อายาโนะหันหน้าถามยูกะที่กำลังจดจ้องอยู่กับหน้าจอใส่รหัส

“ยังเลย นจจิล่ะ?”
“หือ...ยังเหมือนกัน”
“งั้นเหรอ”



…..

คิกๆๆ
“หัวเราะอะไรของเธอน่ะยูกะจัง”

นจจิสงสัยขึ้นเมื่อจู่ๆคาชิยูกะก็หัวเราะขึ้นมา

“พอดีนึกถึงสมัยนั้นได้น่ะ สมัยที่พวกเรารู้จักกันใหม่ๆน่ะ”
“สมัยที่พวกเราพึ่งรู้จักกัน?”

คาชิยูกะพยักหน้าก่อนที่จะเขยิบเข้าไปหานจจิให้ใกล้ยิ่งขึ้น

“จำได้หรือเปล่าที่พวกเราไปค้างบ้านอาจัง แล้วตอนนั้นนจจิพึ่งเข้าวงPerfumeมาใหม่ๆเองน่ะ”
“อ่ะ...เหมือนจะจำได้แล้ว...ที่พวกเราต่างฝ่ายต่างก็เป็นคนไม่กล้าเข้าหากันและกัน พอจะอยู่กันสองคน…”

คาชิยูกะพยักหน้า แล้วโชว์มือถือของอาจังขึ้นมา

“อาจังเลยให้พวกเรามานั่งแก้เพื่อให้เราทั้งคู้สนิทกันมากขึ้นไง”
“แล้วก็ได้ผลเกินคาดด้วยนะ”

ทั้งสองหัวเราะกันอย่างพร้อมเพรียง

“ว่าแล้วก็เหมือนวันนี้ไม่มีผิดเลยเนอะ”
นจจิกล่าวขณะที่กำลังจ้องมองหน้าจอใส่รหัสที่ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถแก้รหัสมันได้


“นี่”

นจจิหันหน้าไปหาอีกฝ่าย เมื่ออีกฝ่ายส่งเสียงเรียก

“ที่จริงตอนนั้นฉันก็ไม่ใช่ว่ายังไม่สนใจนจจินะ...ที่จริงสนใจตั้งแต่ที่พวกเราเจอกันครั้งแรกด้วย”
“ครั้งแรก?...ตอนที่อาจังพาฉันไปแนะนำตัวกับเธอน่ะเหรอ?”

คาชิยูกะส่ายหน้าเบาๆเป็นการแสดงคำตอบว่าไม่ใช่

“ตั้งแต่ที่เธอยังอยู่กลุ่มแฮปปี้เบบี้ตอนนั้นไง...รู้มั้ยว่าเธอตอนนั้นน่ะเปร่งประกายมากเลยนะ ฉันน่ะอึ้งมากๆเลย คนอะไรตัวสูงแถมเต้นเก่งอีกต่างหาก”
นจจิยังคงนิ่งเงียบแล้วฟังอีกฝ่ายเล่าต่อไป

“แต่ก็ได้แต่คิดล่ะนะว่าคนแบบนี้เราคงไม่มีทางสนิทด้วยได้แน่ๆคงเป็นเพื่อนกันไม่ได้แน่ๆ จนกระทั่งคาวะยูกะได้ตัดสินใจออกจากPerfume แล้วอาจังก็ตัดสินใจจะเอาเธอเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ ตอนนั้นฉันแทบไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างเธอเนี่ยน่ะเหรอจะได้อยู่วงเดียวกันกับเรา คิดว่าเธอคงไม่คิดจะเข้ามาในวงเด็กน้อยอะไรแบบนี้แน่ๆ แต่กลับว่าผิดคาด เธอตอบตกลงแล้วมาเป็นสมาชิกวงเดียวกันกับฉัน ฉันตกใจมากฉันจะได้เป็นเพื่อนกับคนอย่างเธอ พอจะพยายามจะสนิทด้วยก็กลับไม่กล้า ทั้งๆอยากจะสนิทกับเธอมาก แต่ก็เพราะความไม่กล้าเข้าหาของฉันเองด้วยล่ะนะ แต่ว่าหลังจากเหตุการณ์ในตอนนั้นแล้วก็ทำให้ฉันคิดว่า ถ้านจจิอยู่ด้วยแล้วไม่ว่าเรื่องอะไรก็เป็นเรื่องสนุกทั้งนั้นล่ะนะ”
“ยูกะจัง…”
“เพราะอย่างนั้น เรื่องที่ฉันโกรธเมื่อเช้าน่ะ ต้องขอโทษด้วยนะ เกมน่ะมันเริ่มใหม่ได้ตลอด แต่ว่าถ้าฉันเสียเพื่อนคนสำคัญของนจจิไปฉันคงเอาคืนกลับมาไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องขอโทษจริงๆนะ”

คาชิยูกะก้มหัวให้กับคนตรงหน้า นจจิที่เห็นอย่างนั้นจึงลุกลี้ลุกลนรีบห้ามเธอแล้วให้เธอเงยหน้าขึ้นมา

“ฉันก็คงต้องขอโทษยูกะจังด้วยล่ะนะ ที่ไปทำอะไรแบบนั้นให้ แล้วก็ทั้งๆที่เรื่องมันก็ผ่านไปนานแล้วฉันก็ยังเอาเรื่องพวกนั้นมาหาเรื่องให้ฉันโกรธเธออีก ยังไงฉันก็ขอโทษจริงๆนะ”

นจจิก้มหัวให้อีกฝ่ายก่อนที่จะเงยหน้าพูดต่อ

“เอาตามจริง ฉันก็สนใจพวกยูกะจังมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วเหมือนกันนะ”
“เอ๊ะ?”
อีกฝ่ายทำหน้างง

“ก็หลังจากที่กลุ่มแฮปปี้เบบี้แสดงจบ กลุ่มของพวกเธอก็ขึ้นไปแสดงต่อใช่มั้ยล่ะ พวกเธอน่ะทั้งสดใสแล้วก็น่ารักมากเลย แถมยังแต่งหน้าได้อีกด้วย ฉันล่ะเห็นตอนนั้นแล้วได้แต่คิดว่า พวกเธอทั้งน่ารัก อยากจะเข้าไปสนิทด้วย อยากที่จะเป็นส่วนหนึ่งของวงนั้นมากเลย พออาจังเข้ามาชวนเข้าวงฉันก็ดีใจมากแล้วตอบรับเข้าวงทันที ฉันล่ะดีใจมากๆที่ได้เข้าวงที่ฉันอยากจะเข้า ดีใจมากๆที่จะได้สนิทกับพวกเธอทั้งสองคน ดีใจมากๆที่ได้มาเป็นเพื่อนกับสองคนนี้ โดยเฉพาะเธอนะยูกะจัง”

อีกฝ่ายเอานิ้วชี้หาตัวว่ายูกะจังที่เขาว่าก็คือคาชิโนะ ยูกะตัวเธอคนนี้

“อื้ม หลังจากเหตุการณ์นั้นพวกเราก็สนิทมากขึ้นได้คุยอะไรหลายเรื่องที่พวกเราสนใจเหมือนกันด้วย สนุกมากจริงๆนะ ฉันล่ะดีใจจริงที่ได้เจอเพื่อนคนสำคัญอย่างเธอนะยูกะจัง”
“นจจิ…”

นจจิยิ้มพลางชูสองนิ้วให้ แสดงให้เธอเห็นว่าพวกเราหลังจากนี้ก็มาพยายามกันต่อเถอะนะ อีกฝ่ายเห็นอย่างนั้นก็เบือนหน้าหนีแต่ก็ชูสองนิ้วให้เป็นการตอบสนอง
นั่นเขินอยู่หรือเปล่านะ? นจจิคิดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร


“เฮ้อ~ แช่น้ำจนทำตัวเองมึนหัวนี่เลิกซักทีได้มั้ยคะพี่!”
“โทษทีน้า พอดีมันต้องแช่จนมึนหัวก่อนถึงจะขึ้นมาได้น่ะ”
“เลิกกำหนดกฎเกณฑ์บ้าๆอย่างนั้นสักทีจะได้มั้ยคะ!!! ถ้ามึนหัวหนักใครจะส่งไปโรงบาลล่ะคะเนี่ย!”


เสียงพูดคุยกันของพี่น้องนิชิวากิดังลอดเข้ามาในห้อง ทำให้สองคนในห้องของอาจังนั้นพึ่งจะนึกได้ว่า ต้องแก้รหัสในมือถือให้สำเร็จ ไม่งั้นพวกเธอทั้งสองคนได้นอนบนพรมหิมะอันหนาวเหน็บหน้าบ้านนิชิวากิแน่นอน

“ทำไงดีอ่ะยูกะจัง อาจังจะกลับมาแล้วนะ เราต้องนอนอยู่นอกบ้านแน่ๆเลย”

นจจิเริ่มกระวนกระวาย

“นจจิ ใจเย็นๆก่อนสิ จำตอนนั้นไม่ได้แล้วเหรอ?”
“แต่ว่า ตอนนั้นพวกเราก็แก้ไม่ได้แล้วอาจังก็มาแก้ให้นี่นา…”
“แล้วจำรหัสตอนนั้นไม่ได้หรือไง?”
“เอ๋?”
“ก็พวกเราไง”

นจจิเห็นอย่างนั้นก็ทำให้ร้องอ๋อขึ้นมาทันที

“มีอันนั้นอันเดียวด้วยสินะ”
คาชิยูกะพยักหน้าให้อย่างรู้ใจ แล้วหันกลับไปพิมพ์คำบางอย่างลงบนมือถือเครื่องนั้น


เมื่อกดปุ่ม โอเคเพื่อยืนยัน ทันใดนั้นหน้าจอก็เข้าหน้าต่างมือถือได้ทันที



““ได้แล้ว!!!””


ทั้งสองตะโกนพูดออกมาพร้อมกันอย่างดีใจ
แล้วไม่นานนักอาจังก็เข้ามาในห้องแล้วเห็นทั้งสองคนทำท่าแสดงความดีใจ อย่างกับว่าตัวพวกเธอเองนั้นชนะการแข่งขันอะไรสักอย่าง
พอทั้งสองเห็นเจ้าของห้องเข้ามาแล้วก็รีบกรูเข้าไปหาพร้อมกับยื่นมือถือให้ดูว่าแก้ได้แล้วนะ
อาจังที่เห็นอย่างนั้นถึงกับหัวเราะทันที

“พวกเธอสองคนเนี่ย ถ้าทำได้ก็ทำได้จริงๆนี่นา”
“ที่จริงแล้วอาจังยังไม่ลืมเมื่อตอนนั้นสินะ ตอนที่พวกเราทั้งสองคนยังไม่สนิทกันแล้วให้พวกเรามาทำแบบนี้ให้น่ะ”
“อยู่ดีๆมันก็แล่นขึ้นมาในหัวน่ะ ไม่คิดว่าจะใช้ได้ผลอีกครั้งนึงด้วย แถมคราวนี้พวกเธอยังจำรหัสได้อีกด้วยนะ”

ทั้งสองคนหัวเราะร่า


แน่นอนว่ารหัสนั้นมันง่ายๆ แต่ว่าก็ทำให้ทั้งสองคนนั้นจำได้ขึ้นใจจนถึงวันนี้ คันจิสั้นๆ 2 ตัวแต่ความหมายลึกซึ้งอย่างคำว่า “เพื่อน”


“หลังจากนี้ทั้งสองคนก็ต้องเป็นเพื่อนกันที่ดีต่อไปด้วยนะ ไม่งั้นถ้ามีอีกครั้งหน้าฉันโกรธจริงๆด้วยนะ”

อาจังพูดแกมบังคับ
คาชิยูกะหัวเราะก่อนที่จะพูดตอบกลับไปว่า

“แน่นอน เพราะเพื่อนแบบนี้น่ะมีแค่นจจิคนเดียวนี่นา”
“แฮะๆ คนที่คุยเรื่องการ์ตูนได้ถูกคอที่สุดก็มีแค่ยูกะจังคนเดียวล่ะนะ”
นจจิลูบหลับคอเป็นการแก้เขิน คาชิยูกะเห็นอย่างนั้นทำให้เธอถึงกับยิ้มออกมา


ยังมีอะไรอีกหลายๆอย่างที่ฉันยังสนใจในตัวเธออยู่นะ โอโมโตะ อายาโนะ



ชาปองที่พึ่งเสร็จธุระส่วนตัวจากห้องน้ำก็ได้เห็นอาจังผู้เป็นพี่สาวนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่น
เวลาดึกดื่นขนาดนี้มาทำอะไร?

“พี่ยังไม่นอนอีกเหรอ?”

เธอตัดสินใจเดินเข้าไปถาม อาจังที่เห็นอย่างนั้นก็ไม่ได้ตกใจอะไรหันหน้าตอบกับเธอว่าอีกสักพักก็จะไปนอนแล้ว แล้วเธอก็หันหน้าเข้าหากับโทรศัพท์มือถือของเธออีกครั้ง

“แล้วยูกะจังกับนจจิล่ะ?”
“หลับไปแล้วล่ะ”

เธอตอบโดยไม่มองหน้าน้องสาวของตัวเอง

“พวกเขาดีกันแล้วเหรอ?”

เธอตอบน้องสาวเพียงแค่คำว่า อื้อ อย่างเดียว แล้วหลังจากที่น้องสาวสอบถามถึงเหตุผลที่ทำไมพวกเขาถึงดีกัน เธอก็ตอบให้แต่เธอก็ยังไม่เงยหน้ามองน้องสาวของตัวเองอยู่ดี

“ค่อยยังชั่ว ถ้าเกิดไม่มีมือถือฝาพับของพี่ล่ะก็ หนูล่ะเดาไม่ออกเลยว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง”

ชาปองน้องสาวของอาจังกล่าวขณะที่อาจังกำลังนั่งเลื่อนดูสื่อที่แสดงบนหน้าจอมือถือของเธอต่อไป
ชาปองที่เห็นอาจังจ้องมือถือนานแล้ว แม้แต่จะเงยหน้ามาคุยกับน้องสาวของตัวเองก็ยังไม่มี ทำให้เธอเกิดอารมณ์ขุ่นเคืองเล็กน้อย เธอจึงถามพี่สาวของตัวเองไปด้วยความสงสัยปนโกรธเล็กน้อย

“นี่พี่ ทำไมถึงไม่เงยหน้ามาคุยกับหนูบ้างเลยล่ะ?”
“หืม? เหรอ ขอโทษทีนะ พอดีพี่ยุ่งจัดการอะไรนิดหน่อยน่ะ?”

อาจังเงยหน้ามายิ้มขอโทษให้กับน้องสาวสุดที่รัก

“อย่างนั้นหนูเข้าไปดูที่พี่ยุ่งอยู่ได้มั้ย?”
“อืม...มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่นะ”

สิ้นสุดประโยคนั้นชาปองก็เข้าไปหาอาจังใกล้ๆ พร้อมกับมองหน้าจอมือถือที่พี่สาวตัวเองยื่นให้ดู
ไม่กี่นาทีต่อมา ชาปองถึงกับพูดไม่ออก เธอหันไปมองหน้าเจ้าของมือถือที่ทำหน้าเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่อยู่ในมือถือนี่

“พี่...มันหมายความว่าไงน่ะ?”

อาจังเว้นระยะไว้สักพักก่อนที่จะตอบกลับ

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก”
“อย่างนี้มันจะดีเหรอ?”
“ไม่เป็นไรหรอก…”
“พี่…”
“อืม….ไม่เป็นไรหรอก”

อาจังยิ้มให้กับน้องสาวผู้เป็นที่รัก ถึงคนอื่นจะเห็นว่ารอยยิ้มนี้นั้นดูเป็นรอยยิ้มที่สดใสและทำให้มีความสุข แต่สำหรับชาปองแล้วนั้นเห็นว่าเป็นรอยยิ้มแห่งความเศร้า และความเจ็บปวด...



----------

เขียนเสร็จไว้นานแล้วแต่ยังไม่มีเวลาได้แปะ เรื่องนี้ได้รับอินสปายมาจากรายการAmeTalk ที่ฮารุนะจังบอกว่า สมัยก่อนนจจิยูกะยังไม่สนิทกัน อาจังเลยเสียสละมือถือตัวเองให้ทั้งคู่ปลดล็อคเล่น แล้วเพราะอย่างนั้นเลยทำให้ทั้งคู่เริ่มสนิทกันมากขึ้น

ภาพตัดแปะเอานั่นล่ะ (ขี้เกียจเล็กน้อย)

ส่วนตอนท้ายที่เขียนนี่ ลองให้คิดกันเล่นๆนะ




(ภาพgifไม่เกี่ยวอะไร แต่อยากลง)





- Copyright © 2013 HaLauYaMa - Shiroi - Powered by Blogger - Designed by Johanes Djogan -